ทดลองขับ BMW X4 xDrive20d เอื้อมถึงได้ง่ายและเพียบพร้อมในรอบด้าน

BMW X4 xDrive20d สี่สูบอาจจะเป็นน้องคนสุดท้องของรถรุ่นนี้ แต่มันก็มีโอกาสจะเป็นรุ่นที่น่าใช้ที่สุดได้เช่นกันอย่างที่ Matt Robionson ค้นพบ

ในฝันเราทุกคนคงจะเลือกรถเครื่องโตกันไว้ก่อนจริงไหม? รถรุ่นท้อปที่มีพละกำลัง 300 กว่าแรงม้า วิ่งรอบ Nürburgring Nordschleife ได้ดีพอๆ กับตอนที่มันตะลุยไปรอบขั้วโลกเหนือ เครื่องยนต์ส่งเสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราด เร่ง 0-62 ไมล์/ชั่วโมง ในเวลาไม่ถึง 5 วินาที แถมยังประหยัดน้ำมัน และมีข้อดีที่กระเดียดไปทางแบบรถสมรรถนะสูงมากมายเท่าที่คุณจะนึกออก

BMW X4 ถูกมอบบทบาทให้เป็น SUV รุ่นที่สปอร์ตขึ้นมาอีกขั้นของแบรนด์ผู้ผลิตจาก Bavarian และมันก็ดูเหมือนจะพยายามเชิญชวนลูกค้าให้เปลี่ยนมาวิธีคิดมาเป็นแบบเดียวกับมันอีกด้วย ที่อังกฤษมันกำลังจะแตกแขนงออกมาเป็น 4 รุ่นย่อย (เรากำลังรอว่ารุ่น xDrive30d จะแตะพื้นถนนเมื่อไหร่ แต่ก็คงเร็วๆ นี้แหละ) ซึ่ง 75% จะเป็นเครื่องหกสูบและ 50% ก็จะเป็นรุ่นที่ตกแต่ง M Performance มาจากโรงงาน

POWER PLAY

อันที่จริงเราได้รับการยืนยันมาแล้วว่า X4 M ตัวแรงสุดกำลังอยู่ในขั้นพัฒนา (แต่ก็แทบจะแน่นอนแล้วว่ามันจะใช้เครื่องหกสูบเรียงทวินเทอร์โบจาก M4 ที่ปรับปรุงให้ดีขึ้นไปอีกระดับ) ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นจริง โอกาสที่วันนึงเครือญาติ X4 ที่จำหน่ายในอังกฤษส่วนใหญ่จะมีพละกำลังทะลุ 300 แรงม้า อย่างที่ผมจั่วหัวเอาไว้ตอนแรกก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริง

แต่ในขณะที่คุณอาจจะเดินปรี่เข้าไปหารุ่น M40d 326 แรงม้า กับ M40i 360 แรงม้า โดยอัตโนมัติ สมมติฐานของการที่รถ SUV คูเป้จะต้องเป็นเครื่องหกสูบเรียงบล็อกโตเท่านั้นมันยังถูกต้องเสมอไปไหม? เรื่องของเรื่องก็คือเรากำลังจะชวนคุณไปดูรุ่น xDrive30d ที่มี 265 แรงม้า กับ 458 ปอนด์ฟุต ซึ่งดูเหมือนจะจัดการพละกำลังและการลุยไปในเส้นทางออฟโรดได้ดีกว่าซะอีก

หรือมันจะหมายความว่าเรากำลังชวนคุณไปจนสุดอีกฝั่งของรุ่นย่อย เพื่อไปลอง BMW X4 รุ่นเดียวในอังกฤษที่เครื่องยนต์มีน้อยกว่าหกสูบ? ใช่แล้ว นี่คือ X4 xDrive20d M Sport ที่ถูกสร้างมาเพื่อประดับริมฟุตบาทให้ดูน่าหลงใหล ด้วยสไตล์ตัวถังที่เพื่อนบ้านต้องแง้มผ้าม่านดูทุกครั้งที่มันกลับมาจอดอยู่บนถนนหน้าบ้านคุณ แต่มีค่าตัวแค่เศษเสี้ยวเดียวของรุ่นใหญ่เท่านั้น

ที่ผมพูดว่า “เศษเสี้ยว” ก็เพราะส่วนต่างราคาระหว่างรุ่น 2.0 ลิตร ในชุดแต่ง M Sport ขนาด 190 แรงม้า กับ 295 ปอนด์ฟุต คันนี้ กับรุ่น M40d นั้นอยู่ที่ตั้ง 9,715 ปอนด์ ยังไม่รวมออพชัน แต่ตัวเลขนั้นก็จะแคบลงอย่างรวดเร็วถ้าคุณเริ่มติ๊กเลือกของเล่นให้กับ xDrive20d ของคุณแค่สัก 2-3 อย่าง

รถคันที่เราเอามาทดสอบนี่เป็นตัวอย่างที่ดีเลย มันได้รับการเพิ่มออพชันอย่าง Premium Package ราคา 1,930 ปอนด์ (หลังแก้วพาโนรามา เบาะหน้าปรับไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำ และนวดหลัง) Visibility Package 495 ปอนด์ (ไฟหน้า BMW Icon Adaptive LED และระบบช่วยเปิดไฟสูงอัตโนมัติ High-Beam Assist) Comfort Package 1,040 ปอนด์ (Comfort Access กระจกเคลือบสารกันเสียง กระจกมองข้างกรองแสงอัตโนมัติและพับเก็บได้ และกล่องเก็บของ) ชุดเบรก M Sport 490 ปอนด์ Driving Assistant Plus 1,750 ปอนด์ Parking Assistant Plus 500 ปอนด์ ชุดเครื่องเสียงรอบทิศทาง Harman Kardon 820 ปอนด์ และ Apple CarPlay อีก 235 ปอนด์ และไม่ทันใดเราก็มายืนอยู่ตรงจุดที่ราคาของ X4 xDrive20d M Sport ไม่ใช่เศษเสี้ยวเดียวของ M40d แล้ว อันที่จริงมันถูกกว่ารุ่น 326 แรงม้า อยู่แค่ 960 ปอนด์ เท่านั้น!

EXPENSIVE LOOKS

เอาล่ะ…ผมรู้ว่านั่นไม่ใช่การเปรียบเทียบที่ยุติธรรมสักเท่าไหร่ เพราะรุ่น M40d ก็เลือกออพชันเพิ่มได้เหมือนกัน แล้วก็จะดันราคาของมันให้วิ่งหนีไปจากราคาเริ่มต้น 55,315 ปอนด์ ที่คุณเห็นบนโชว์รูมใกล้บ้านกับเว็บสเปกรถออนไลน์ของ BMW UK ได้ง่ายๆ ความจริงก็คือของเล่นบางอย่างที่เขียนถึงไปก่อนหน้านี้ มันมีใส่มาให้ในรุ่น M40d เป็นมาตรฐานอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นมันก็ไม่ได้แปลว่า xDrive20d จะเป็นรุ่นถูกสุดคุ้มอะไรแบบนั้น

อย่างไรก็ตาม มันก็ได้รับการให้อภัยจากหน้าตาฟูลออพชันของมันจนต้องมองเหลียวหลัง สีแดง Flamenco Red metallic (จ่ายเพิ่ม 670 ปอนด์) กับออพชันล้อแบบสองสีที่ไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มขนาด 19 นิ้ว สีเทา Ferric Grey ก้านคู่รหัส 698M ทำให้ xDrive20d ดูสวยเหมือนกับ M40d ที่อยู่สูงขึ้นไป การตกแต่งแบบ Shadowline และห้องโดยสารแบบเรือนกระจกช่วยทำให้ตัวรถดูสปอร์ตมากขึ้น และเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณเปิดประตูคนขับที่หนักอึ้งออกแล้วปีนขึ้นไปนั่ง บรรยากาศภายในก็ยังคงให้ความรู้สึกแบบเดียวกัน

จากนั้นก็มีหนัง Vernasca สีดำกับด้ายแดงที่หุ้มทับอยู่บนเบาะนั่ง พวงมาลัย M Sport หน้าตาดูดีมีรสนิยม (แต่ขอบวงออกจะหนาไปหน่อย) มาตรวัดดิจิตอลในเรือนไมล์ และอุปกรณ์ต่างๆ ราวกับ BMW ตัวท้อป เช่น แป้นแพดเดิลชิฟท์ที่ซ่อนอยู่หลังพวงมาลัยและปุ่มบนพวงมาลัยที่ใช้ควบคุม iDrive

ห้องโดยสารคือสถานที่แบบที่คุณอยากจะใช้เวลาด้วย ถึงแม้ว่ามันอาจจะฟังดูซ้ำซากก็เถอะ ตำแหน่งการขับถูกวางมาได้อย่างชาญฉลาด มันผสมผสานเอาความรู้สึกแบบการขับรถออฟโรดที่ตำแหน่งนั่งอยู่สูง (SUV เป็น DNA นึงของ X4) กับความรู้สึกว่าตัวคุณถูกห่อหุ้มอยู่ในแชสซีส์ที่ทอดตัวอยู่ในระดับต่ำได้อย่างรถคูเป้ คุณสามารถนั่งคุดคู้หลบอยู่หลังพวงมาลัยโดยมีแค่ไหล่ที่โผล่พ้นแนวขอบหน้าต่างของ X4 ขึ้นมาก็ยังได้ เพราะการนั่งแบบนั้นคุณก็ยังจะเห็นวิวข้างหน้าได้อย่างเต็มตา

A 4.5-SEATER?

ความอเนกประสงค์ในการใช้งานหรือคุณสมบัติอื่นๆ ของ X4 ยังคงมีครบถ้วนใน xDrive20d ซึ่งนั่นก็แปลว่ามันมีพื้นที่สำหรับผู้โดยสารตอนหลังกว้างขวาง และพื้นที่เหนือศีรษะก็ไม่ได้แย่แบบที่คุณอาจจะคิด ถึงแม้ที่นั่งตรงกลางอาจจะเหมาะกับเด็กมากกว่าและทำให้ X4 เป็นรถ ‘4+1’ มากกว่าห้าที่นั่งก็ตาม ท้ายรถมีพื้นที่เก็บสัมภาระความจุใหญ่โตถึง 525 ลิตร เบาะหลังแบบแยกพับในอัตราส่วน 40:20:40 ช่วยให้คุณสามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ห้องโดยสารของเจ้า BMW รุ่นนี้ได้อย่างเต็มที่ในเวลาที่ไม่มีคนอื่นๆ นั่งไปด้วยและต้องการพื้นที่ไว้สำหรับสิ่งของชิ้นยาวๆ แต่ด้วยความที่มันเป็นคูเป้แนวไลฟ์สไตล์ BMW ก็เลยพยายามทำให้คุณคิดว่าสิ่งของพวกนั้นน่าจะเป็นแผ่นกระดานโต้คลื่นหรือเรือแคนู แต่ในชีวิตจริงสิ่งที่คนส่วนใหญ่บรรทุกมันก็คงเป็นไม้หน้าสี่หรือกล่องเฟอร์นิเจอร์ IKEA นั่นแหละ!

แฟน BMW คงจะคุ้นเคยกับเครื่องยนต์ของ X4 รุ่นย่อยนี้เป็นอย่างดี เพราะมันก็คือเครื่องสี่สูบเรียงเทอร์โบรหัส B47D20 ที่ย้อนรอยกลับไปได้ไกลถึงเครื่อง M47D20 สมัยเมื่อยี่สิบปีก่อนซึ่งเปิดตัวในปี 1998 ใน E46 320d รุ่นแรกๆ พละกำลัง 190 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที กับแรงบิดเต็มเม็ดเต็มหน่วย 295 ปอนด์ฟุต ตั้งแต่รอบต่ำแค่ 1,750 ไปจนถึง 2,500 รอบ/นาที ส่งแรงไปหมุนล้อผ่านระบบ xDrive ของ BMW และเกียร์อัตโนมัติ ZF 8 จังหวะ ที่ในโลกของ M Sport จะเรียกว่า Steptronic Sport ซึ่งทำงานได้ไร้ที่ติ สมรรถนะของ xDrive20d น้ำหนัก 1,815 กิโลกรัม อาจจะดูธรรมดาสำหรับมาตรฐานในทุกวันนี้ เพราะความเร็วสูงสุดยังไปไม่ถึงจุดที่ BMW ยุคใหม่ต้องล็อคเอาไว้ที่ 155 ไมล์/ชั่วโมง และมันก็ยังไม่สามารถทำลายกำแพง 8 วินาที สำหรับตัวเลข 0-62 ไมล์/ชั่วโมง ได้ แต่มันก็ใช้การได้ทีเดียว

HEAVENLY COMBINATION

เครื่องเทอร์โบดีเซล 2.0 ลิตร กับเกียร์ลูกนี้ทำงานเข้าขากันราวกับสวรรค์ประทาน การทำงานของมันทั้งคู่ถูกขัดเกลาออกมาได้ดีอย่างน่าทึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันมีลูกสูบแค่สี่ลูกที่วิ่งขึ้นวิ่งลงอยู่ในเครื่องนั่น เสียงของมันไม่เคยแหบแห้งแม้แต่ตอนที่คุณบี้คันเร่งจนติดกับผนังห้องเครื่องและขับมันอย่างนั้นไปทั่วเมือง ลากรอบตีขีดแดงที่ 4,500 รอบ/นาที ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เรี่ยวแรงในช่วงรอบกลางก็ดี จนบางทีให้ความรู้สึกว่ามันมีมัดกล้ามไม่ต่างอะไรจากลูกพี่ลูกน้องที่มีหกสูบของมันเลยด้วยซ้ำ

เพราะฉะนั้น เรี่ยวแรงบนทางตรงจึงไม่ใช่สิ่งที่ X4 xDrive20d M Sport ขาดหาย และการบังคับควบคุมก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนมากมายอะไรไปกว่ากันเช่นกัน อันที่จริงผมยังว่ามันมีเรื่องนึงที่ดีกว่า M40d ด้วยซ้ำ อย่างน้ำหนักพวงมาลัยในโหมด Sport+ ที่ถึงจะไม่ได้สื่อสารความรู้สึกกลับมาได้มากมาย หรือแม่นยำได้เทียบเท่ากับเซ็ทอัพพวงมาลัยของรถ M แต่มันกลับสามารถพา X4 20d เข้าโค้งความเร็วสูงได้ง่ายกว่ากันนิดหน่อย

พอจะมีทฤษฎีรองรับเรื่องนี้อยู่สัก 2 อย่าง อันแรกคือน้ำหนักกดด้านหน้าของมันน้อยกว่า เพราะเครื่องที่ใช้มีขนาดความจุแค่สองลิตรกับสี่สูบไม่ใช่หกสูบ 3.0 ลิตร และหน้ายาง 19” มีพื้นที่สัมผัสกับพื้นถนนน้อยกว่ายาง 20” ของ M40d กับการที่ xDrive20d ไม่ได้ถูกคาดหวังให้มีพวงมาลัยที่สปอร์ตจ๋าอะไรขนาดนั้น ซึ่งหมายความว่าการบังคับควบคุมมันจึงเป็นธรรมชาติกว่า X4 326 แรงม้า อยู่สักหน่อย

แน่นอนว่าแรงเกาะของมันยังคงเป็นอะไรที่น่าประทับใจมากสำหรับรถคันโตขนาดนี้ X4 xDrive20 ให้ความรู้สึกคล่องแคล่ว กระฉับกระเฉง และขับสนุกกับทำให้คนขับมีส่วนร่วมมากกว่า X3 G01 ที่มันใช้พื้นฐานร่วมกัน ที่ยิ่งกว่านั้นก็คือผมเคยบอกไว้หลายครั้งแล้วว่า X3 ก็ไม่ใช่รถที่ช้าอะไรแล้วตอนที่มันอยู่ในโค้ง สรุปสั้นๆ ก็คือคุณสามารถพา X4 สี่สูบแล่นผ่านโค้งต่อกันเป็นสายบนถนน A และ B ได้อย่างรวดเร็ว และไม่นานคุณก็จะลืมไปเลยว่านี่คุณกำลังอยู่ในรถที่สูงตั้ง 1.6 เมตร อยู่นะ

แต่ผมก็ไม่อยากจะให้อารมณ์พาไปขนาดนั้น เพราะ X4 รุ่นนี้ก็ไม่ใช่รถสำหรับนักขับที่มีชีวิตชีวาที่สุดของรถที่ติดตราใบพัดฟ้าขาว แต่สำหรับรถ SUV หรูคันโตที่เครื่องค่อนข้างจะเล็กแล้ว xDrive20d ก็เป็นรถที่สมรรถนะเก่งกาจมาก…และน่าคบหาอย่างไม่น่าเชื่อด้วย

โดยธรรมชาติแล้วมันตอบสนองกับคำสั่งของคุณได้อย่างงดงามในตอนที่คุณไม่ได้ขับมันเหมือนคนบ้า ช่วงล่างซึมซับแรงกระแทกได้ดีเยี่ยม แต่ผมควรจะต้องบอกไว้ก่อนว่ารถคันทดสอบใส่ออพชันช่วงล่าง Adaptive Suspension ราคา 460 ปอนด์มา ดังนั้นผมจึงยังบอกไม่ได้ว่า X4 กับช่วงล่างปรับไม่ได้จะรู้สึกยังไง ส่วนคันนี้มันดูเหมือนจะเป็นเงิน 460 ปอนด์ ที่คุ้มค่าทีเดียวในเมื่อสิ่งที่คุณได้มาคือช่วงล่างที่เก็บอาการบนถนนจนเรียบเป็นผ้าไหมแบบนี้ แล้วมันก็เข้ากับรูปทรงลู่ลมของ SUV คูเป้เอามากด้วย ทำให้มันสามารถแหวกอากาศไปข้างหน้าได้อย่างราบเรียบ

ขยับมันออกจากโหมด Sport น้ำหนักของการบังคับควบคุมทุกอย่างก็จะเบาลง และทำให้การพา X4 ไปตามตำแหน่งบนถนนที่เล็งไว้กลายเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อย คุณจึงไม่ต้องทำท่า “ห่อไหล่” เวลาที่คุณกำลังขับรถคันนี้ผ่านบนถนนที่เลนแคบๆ ในเมืองอย่าง Cotswold เป็นต้น

แล้วผมมีเรื่องติอะไรกับ X4 xDrive20d M Sport บ้างไหม? อืม…ก็คงจะมีเสียงเครื่องยนต์ที่เงียบกริบที่น่าจะเป็นข้อดีในตอนที่คุณอยากจะขับมันไปเรื่อยๆ แต่ไม่มีช่วงไหนที่มันจะส่งเสียงในแบบที่คุณจะเรียกได้ว่า “ยั่ว” ให้อยากเหยียบคันเร่งเพิ่มได้ BMW พัฒนาเครื่องดีเซลเทอร์โบสี่สูบ 2.0 ลิตร รุ่นนี้มานาน และด้วยความที่มันไม่มีฟีเจอร์สังเคราะห์เสียงที่มักจะไม่ค่อยได้เรื่องใส่มาด้วย เราก็คงทำอะไรไม่ได้มากับเครื่องบล็อกนี้

นอกจากเสียงขับกล่อมในฉากหลังที่ค่อนข้างจืดชืดของ 20d แล้ว ก็จะมีเรื่องค่าตัวและอุปกรณ์ตกแต่งของรถรุ่นนี้ที่ผมพูดไปก่อนหน้า แต่นั่นก็คงจะไม่สามารถไปเปลี่ยนตำแหน่งสูงสุดในกระดานยอดขายของมันได้ สำหรับที่อังกฤษคุณจะสามารถคาดหวังตัวเลข 75% ของยอดขาย X4 ทั้งหมดว่าเป็นรุ่น 20d ได้เลย

แต่นี่ก็เป็นแค่การพยายามหาข้อติหยุมหยิม เพราะในภาพรวมแล้ว X4 G02 เจนเนอเรชันที่สองเป็นรถที่ถูกขัดเกลามาดีมากจนทำให้รุ่นสี่สูบน่าใช้ไม่ต่างอะไรจากรุ่นหกสูบเรียง ม้า 326 ตัว ที่ให้อัตราเร่ง 0-62 ไมล์/ชั่วโมง ใน 4.9 วินาที สำหรับ BMW สิ่งที่ดียิ่งกว่านั้นก็คือการที่ X4 เป็นที่นิยมและเหนือชั้นกว่าคู่แข่งของมันอยู่นิดๆ เพราะจะว่าไปแล้วมันก็มีเพียง Mercedes-Benz เท่านั้นที่มีคู่แข่งตรงรุ่นอย่าง GLE Coupé ดังนั้นถ้าคุณตั้งใจมาแล้วว่าจะซื้อรถ 4×4 ขนาดกลางรูปร่างเพรียวลมพวกนี้ คุณก็จะมีอยู่ในแค่สองตัวเลือกเท่านั้น และมันก็ไม่ต้องคิดเลยว่า X4 เป็นรถที่ดีกว่าดาวสามแฉกในศึกครั้งนี้อย่างไม่ต้องสงสัย

ทั้งหมดนี้แปลว่า xDrive20d M Sport อาจจะเป็น X4 รุ่นแรกที่คุณควรจะพิจารณา ไม่ใช่แค่ด้วยเรื่องเหตุผลแต่เป็นเสียงจากหัวใจด้วย แน่นอนล่ะว่าโลกความฝันยังไงมันก็เป็นสถานที่น่าอัศจรรย์ใจ แล้วผมก็อยากจะสรุปเหลือเกินว่า M40d คือ X4 รุ่นที่ดีที่สุดในอังกฤษที่คุณควรเป็นเจ้าของ แต่ความจริงมันไม่ได้เป็นอย่างนั้น และในโลกแห่งความจริงที่แสนน่าเบื่อและเต็มไปด้วยเรื่องน่าหงุดหงิดที่เรากำลังอาศัยอยู่นี้ มันก็เป็นเรื่องดีที่เรายังมี X4 รุ่นที่เอื้อมถึงง่ายที่สุดที่เป็นรถที่มีคุณงามความดีรอบด้านและเป็น SUV Coupé ที่ดีเพียงพอกับที่ทุกคนต้องการ

สมัครสมาชิกนิตยสารรายปี 6 เล่ม เพียง 1,000 บ. รับฟรี #BIMMERMEET3 T-Shirt Limited Edition มูลค่า 500 บ. คลิก bit.ly/BMWCar-Line

#BMWCarMagazineTH #BMWTH

 

Share

ใส่ความเห็น