ย้อนอ่านเรื่องราว BMW X Series รถอเนกประสงค์พรีเมียมที่พัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง

THE X FILE

แม้ว่า BMW พยายามขยายโปรดักซ์รถซีดานและสปอร์ตคูเป้ของเขาให้ตรงกับกลุ่มลูกค้าในทุกเซ็กเมนต์ แต่ก็ยังมีช่องโหว่ทางการตลาดสำหรับตลาดรถอเนกประสงค์ และการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งทำให้ในปี 1994 BMW มีความคิดที่จะผลิตรถเอนกประสงค์ระดับพรีเมียมเป็นของตัวเองสักที จึงได้ตัดสินใจซื้อกิจการของบริษัท Land Rover ที่ช่ำชองด้านการผลิตรถอเนกประสงค์ขับเคลื่อนสี่ล้ออยู่แล้วจากบริษัท British Aerospace ที่กำลังเผชิญปัญหาเรื่องการเงินที่ขาดทุนกว่าล้านปอนด์ต่อวัน ให้มาอยู่ภายใต้ชายคาเดียวกัน เพื่อหวังให้ทีมวิศวกรของเขาได้วิจัยและพัฒนาร่วมกัน ทีมวิศวกร BMW ได้รับความช่วยเหลือและข้อมูลเทคโนโลยีของ Land Rover เพื่อสั่งสมองค์ความรู้สำหรับการผลิตรถอเนกประสงค์ขับเคลื่อนสี่ล้อที่ดีที่สุด ที่พวกเขาจะทำออกมาเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าสายลุยทั้งหลายภายใต้โปรเจ็กต์ X-Series ก่อนจะที่จะขายบริษัท Land Rover ให้กับบริษัทฟอร์ดมอเตอร์ในภายหลัง

การตัดสินใจดังกล่าวทำให้ BMW ถือกำเนิด X-Series เป็นยนตกรรมในกลุ่ม SAV (Sport Activity Vehicle) ที่ผสานความสปอร์ตคล่องแคล่วแบบสปอร์ตซีดาน และความอเนกประสงค์และสมบุกสมบันตามแบบของรถ SUV เข้าด้วยกัน โดยประเดิมรุ่นแรกด้วย BMW X5 (E53) ใน Detroit Motor Show 1999  ด้วยส่วนประกอบจำนวนมากจาก Land Rover L322 รวมถึงระบบ Hill Descent System (HDC) ที่ช่วยควบคุมความเร็วในการขับรถลงเนินเขาที่สูงชัน และเป็นประโยชน์อย่างยิ่งบนพื้นขรุขระ หรือกรวดหินที่ลื่นได้ง่าย

ตอนนั้น BMW พยายามขาย X5 ให้ได้มาก แต่อย่างไรก็ตามมันถูกวิจารณ์ถึงความแข็งทื่อและล้าสมัย และความสามารถในการออฟโรดของมันมีจำกัด ถึงอย่างนั้นในปี 2002 ก็ได้เปิดตัวรุ่น X5 4.6iS ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน V8 4.8 ลิตร ทำให้มันเป็น SUV ที่เร็วที่สุดในโลก ทำให้ความนิยมนั้นพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว

ต่อจากนั้น BMW ก็เพิ่มไลน์การผลิตรุ่น X3 (E83) โดยใช้พื้นฐานของ 3 Series มาเปิดตัวในปี 2003 ก่อนจะเริ่มวางจำหน่ายในปีถัดไป โดยในรุ่นแรกนั้นก็ยังไม่วายที่จะมีเสียงวิพากวิจารณ์ ถึงช่วงล่างที่แอบกระด้าง ดีไซน์ที่ไม่ค่อยหวือหวา และยังลุยแบบออฟโรดได้ไม่เท่าไหร่นัก แถมยังมีราคาที่สูงอีก แต่ถึงอย่างนั้น X3 รุ่นแรกก็ถูกขายไปได้มากกว่า 600,000 คันทั่วโลก และเป็นรุ่นแรกที่มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ xDrive อันชาญฉลาด ที่ตอบสนองได้รวดเร็วและเชื่อมโยงกับระบบควบคุมเสถียรภาพ DSC ซึ่งมอบการส่งกำลังแบบแปรผันตามสภาวะการใช้งานได้อย่างสมบูรณ์แบบ แม้สภาพผิวถนนไม่เอื้ออำนวยคราวนี้ BMW ให้ความสำคัญกับ X Series มากขึ้น คราวนี้พวกเขาจึงพัฒนามันมาพร้อมกับ X5 รุ่นที่สอง (E70) ในปี 2007 และ X6 (E71) ในปี 2008

ในปี 2010 X5 คันที่หนึ่งล้านออกจากสายพานการผลิต พร้อม ๆ กับการเปิดตัว X1 (E84) โดยใช้พื้นฐานของ 1Series ที่ช่วยเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ของ BMW ในตอนนั้นระบบ xDrive เป็นคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับ X5 และ X6 ในขณะเดียวกันมันเป็นออฟชั่นสำหรับ X1 และ X3

ชั่วโมงนั้น X6 กลายเป็น SAC คันแรก ด้วยเอกลักษณ์ของแนวหลังคาที่ลากยาวไปจรดท้ายรถสไตล์รถ Coupe มันเป็นการรวมสมรรถนะของ SUV กับรถสปอร์ตคูเป้ไว้ด้วยกัน ซึ่งรถแนวนี้จะตอบโจทย์ลูกค้าที่ชอบรถสมรรถนะสูงที่สามารถขับขี่ไปได้ในทุกสถานที่ กับรูปลักษณ์ที่ตามแฟชั่น หรูหรา เดินทางไกลสะดวกสบาย โดย X6 รุ่นแรกนั้นขายไปได้กว่า 250,000 คันทั่วโลก ก่อนจะเปิดตัวรุ่นที่สอง (F16) ในปี 2014 ใน Paris MotorShow

และแม้ว่า BMW M GmbH เคยบอกว่าพวกเขาจะไม่ทำ X-Series ในรูปแบบ M Car ด้วยเหตุผลที่ว่ามันมีขนาดที่ใหญ่โตเกินไป ทำให้ขาดความคล่องตัว แต่ด้วยความนิยมและเล็งเห็นว่ามันจะสามารถทำกำไรได้ไม่น้อย และยิ่งไปกว่านั้นเพื่อตอกย้ำความสำเร็จของ X5 และ X6 พวกเขาตัดสินใจเพิ่มทั้งคู่ลงในลิสต์ของรถสมรรถนะสูง ที่ผ่านการปรับแต่งจากแผนก BMW M GmbH ด้วยเครื่องยนต์ M Twin Power Turbo V8 ให้กำลัง 555 แรงม้า ที่สามารถเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 4.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ต่อมาในปี 2011 X3 รุ่นที่สอง (F25) ก็เกิดขึ้น ตามมาด้วย X5 รุ่นที่สาม (F15) และไม่ลืมที่จะสานต่อโปรเจ็กต์ X4 (F26) ด้วย พอในปี 2016 ก็เริ่มรู้สึกว่า X1 (F48) รุ่นที่สองที่ออกมานั้นดูธรรมดาเกินไป ในปี 2018 ก็เลยเผยโฉมน้องเล็กทรงสปอร์ตอย่าง X2 (F39) ที่คล่องแคล่วเหมาะสมกับการใช้งานในเมือง พร้อมกับ X3 (G01), X4 (G02), X5 (G05) ในช่วงปีเดียวกัน โดยเผลอแปปเดียวทำให้มี X- Series ออกมาทั้งหมดแล้วถึง 14 รุ่น โดยยังคงไว้ด้วยด้วยรูปทรงที่โฉบเฉี่ยว หรูหรา มีโอเวอร์แฮงค์สั้นและฐานล้อยาว ซึ่งทั้งหมดแบ่งเป็น SAV และ SAC โดยบรรดาซีรีส์เลขคี่อย่าง X1, X3, X5 จะเป็นกลุ่ม SAV (Sport Activity Vehicle) แบบดั้งเดิม ส่วนบรรดาซีรีส์เลขคู่อย่าง X2, X4, X6 ก็จะเป็นกลุ่ม SAC (Sport Activity Coupe) ที่เน้นความสปอร์ตจากเส้นสายของหลังคาที่ทอดยาวแล้วลาดเอียงไปจนจรดส่วนท้ายในรูปแบบรถ Coupe

BMWCar Magazine Thailand Issue 51, May-June 2019

สมัครสมาชิกนิตยสารรายปี 6 เล่ม เพียง 1,000 บ. รับฟรี #BIMMERMEET3 T-Shirt Limited Edition มูลค่า 500 บ. คลิก bit.ly/BMWCar-Line

#BMWCarMagazineTH #BMWTH

 

 

 

 

 

Share

ใส่ความเห็น