เจาะลึก จัดเต็ม จัดให้กับ BMW Z4 ตัวใหม่ล่าสุด ครบ จบที่เดียว !

DRIVING DELIGHT

ความคาดหวังคือสิ่งที่เลวร้าย ทั้งวิศวกรและดีไซน์เนอร์ของ BMW ต้องแบกรับความกดดันเอาไว้บนบ่าอย่างหนักอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในตอนที่พวกเขาเข้ามารับหน้าที่ในการสร้างเจ้า Z ตัวใหม่ขึ้นมา Z1 ที่ถูกทำขึ้นในปี 1988 อาจออกจะดูเป็นรถที่ทำขึ้นมาเล่นๆแต่มันก็เป็นรถที่ดีเยี่ยมพอดูคันหนึ่ง (แต่กระนั้นมันก็ยังไม่ได้เป็นรถโรดสเตอร์คันแรกของ BMW)

หลังจากที่ Z1 ถูกสร้างขึ้นมาด้วยจำนวนจำกัดก็ถูกแทนที่ด้วย Z3 ซึ่งก็ได้กลายไปเป็นรถที่ได้รับความสำเร็จอย่างไม่น่าเชื่อก่อนที่จะมี Z4 เจนเนอเรชั่นแรกตามออกมาในปี 2002 จนมาถึงเจนเนอเรชั่นที่สอง ประวัติศาสตร์ของ Z4 ก็ยังไม่ถือว่ามันเป็นเพชรเม็ดงามที่สุดที่เจียรนัยออกมาจาก BMW เพราะฉนั้นผมจึงรู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้เห็นรถที่กำลังจะออกมาแทนมัน และสุดท้ายแล้วผมก็ได้มานั่งอยู่หลังพวงมาลัยของเจ้า G29 Z4 เป็นครั้งแรกในวันนี้

SUPER STRAIGHT-SIX!

ไม่ใช่แค่รถเครื่องหกสูบคันหนึ่ง แต่รถคันนี้เป็นรุ่น M40i ตัวท๊อป ใต้ฝากระโปรงของมันเป็นเครื่องยนต์หกสูบเรียงรหัส B58 ที่เพิ่งถูกอัพเดทออกมาล่าสุด ซึ่งประกอบไปด้วยหัวฉีดเชื้อเพลิงแรงดันสูง, เทอร์โบที่มีการตอบสนองเร็วขึ้นและดุเดือดขึ้น นอกจากนี้ยังมีการอัพเดทระบบป้องกันมลพิษ ซึ่งรวมไปถึงใส่แผ่นกรองเนื้อละเอียดเข้าไปเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายที่เพิ่งออกมาบังคับใช้ล่าสุด พละกำลังสูงสุดอยู่ที่ 340hp ที่ 5500-6500 รอบต่อนาที และมีแรงบิดสูงสุดที่ 369lb ft ออกมาให้ใช้ยาวตั้งแต่ 1600 ไปจนถึง 4500 รอบต่อนาทีโน่นเลย

เครื่องยนต์ให้สุ้มเสียงไพเราะอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ถึงแม้จะในโหมด Comfort มันก็ให้เสียงที่เร้าใจตั้งแต่สตาร์ทเครื่อง และส่งเสียงทุ้มคำรามตลอดเวลาโดยมีเสียงการทำงานของเทอร์โบสอดประสานออกมาให้ได้ยินที่รอบต่ำ แต่เมื่อคุณมีโอกาสกระแทกให้เข็มวัดรอบของมันกวาดขึ้นไป อัตราเร่งของมันก็จะทะยานขึ้นไปอย่างดุเดือดพร้อมเสียงระงมของการทำงานของเทอร์โบชาร์จดังกลบไปหมดจนกระทั่งระบบเข้ามาตัดรอบที่ 7000 รอบต่อนาที

แน่นอนว่าหูของคุณจะได้ยินเสียงที่ว่านั่นกระหน่ำออกมาจากปลายท่อด้านหลังไปตลอดทาง เครื่องยนต์ตัวนี้มีความแสบที่สมน้ำสมเนื้อที่จะเอามาเป็นขุมพลังของ Z4 ซึ่งอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ Porsche ต้องตัดสินใจเอาเครื่องหกสูบมาหย่อนลงไปใน 718 Cayman/Boxster ของพวกเขาก็เป็นได้

TORQUE MONSTER

สิ่งที่ยึดติดเอาไว้ที่ด้านหลังของเครื่องยนต์ตัวนี้ก็คือเกียร์แปดสปีด Steptronic Sport ที่ถูกปรับแต่งโปรแกรมให้เป็นไปตามสเปก M โดยมี paddle อยู่ที่ด้านหลังของพวงมาลัย แถมยังมีระบบควบคุมการออกตัว (launch-control) ติดมาให้อีกด้วย ในทางทฤษฎีแล้วอัตราเร่งจากหยุดนิ่งขึ้นไปที่ 62 ไมล์/ชั่วโมงของ Z4 M40i น่าจะอยู่ที่ 4.6 วินาที

ท้ายของมันสะดีดสดิ้งไปมาในขณะที่ยางเส้นโตของมันกำลังต่อสู้กับแรงบิดอันมโหฬาร แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นรถที่เร็วมากคันหนึ่ง จนคุณรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามันเป็นรถขับเคลื่อนล้อหลังอย่างไม่ต้องสงสัยจากอาการสะบัดเล็กที่ด้านท้ายทุกครั้งเวลาที่สาดเข้าไปในโค้งโดยเฉพาะบนพื้นเปียก

แต่ว่าก็ว่าเถอะ คุณใช้เวลาอยู่หลังพวงมาลัยแค่ไม่นานคุณก็สามารถรู้สึกได้ถึงการตอบสนองที่รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อของระบบ DSC และระบบ traction control ของมัน ซึ่งมันทำให้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย อีกทั้งยังให้ความรู้สึกปลอดภัยโดยไม่จำเป็นต้องยกคันเร่งขึ้นมา เมื่อกดปุ่ม DSC จากนั้นก็ปรับไปที่โหมด “Traction” ระบบจะปล่อยให้ล้อไถลออกไปได้มากกว่าปกติเล็กน้อยก่อนที่ระบบควบคุมอิเลคทรอนิคจะเข้าควบคุม มันคือโหมดในฝันสำหรับการขับด้วยจิตวิญญาณไปบนถนนที่ท้าทาย เพราะมันจะช่วยทำให้คนขับอยู่เหนือการควบคุมของอารมณ์อันกราดเกรี้ยวของรถ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีระบบป้องกันความปลอดภัยช่วยระวังหลังให้ด้วยในขณะเดียวกัน

แต่อย่างไรก็ตาม Z4 M40i ก็แทบจะไม่ออกอาการโอเวอร์สเตียร์เลยถึงแม้คุณจะปิดระบบ DSC ทั้งหมด มันมีเฟืองท้าย M Sport ที่ควบคุมด้วยไฟฟ้าติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งถูกโปรแกรมใหม่ให้ทำงานสอดคล้องกับโหมดการขับขี่ของมันได้เป็นอย่างดี ยกตัวอย่างเช่นในโหมด Comfort มันจะช่วยทำให้รถค่อนข้างว่านอนสอนง่าย และช่วงล่างก็ปรับตัวได้ตามจังหวะการทำงานของรถ ซึ่งจุดนี้ทำให้รถมีแฮนด์ลิ่งที่ง่ายขึ้น

POINTY PERFORMANCE

ในโหมด Sport มันก็จะดุเดือดขึ้นกว่าเดิมอีกนิด ส่วนโหมด Sport Plus เจ้า Z4 ก็จะประพฤติตัววิ่งตรงดิ่งราวกับลูกธนู ทั้งก็เพราะ differential ของมันไม่เพียงแต่จะควบคุมการกระจายแรงบิดระหว่างล้อคู่หลังในขณะที่กดคันเร่ง แต่มันยังทำงานเป็นจังหวะจะโคนจนสามารถทำให้จมูกหน้าของมันพุ่งดิ่งเข้าไปในโค้งได้อย่างง่ายดาย และแน่นอนว่าในโหมด Sport Plus มันดูเหมือนว่ายิ่งคุณรีดพลังของมันออกมามากเท่าไร หน้ารถก็จะยิ่งเกาะจิกแน่นเข้าไปในโค้งมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งจุดนี้ทำให้ Z4 มีคุณสมบัติของความปราดเปรียวและให้ความรู้สึกของความเป็นรถสปอร์ตเป็นอย่างมาก

หากคุณกระแทกคันเร่งลงไปบนแชสซีส์ของมัน ล้อหลังก็ยังสามารถรับมือกับพละกำลังของมันได้โดยยังรู้สึกว่าลิมิตของมันยังมีอยู่อีกห่างไกล อีกทั้งยังให้ความรู้สึกว่าทุกสิ่งยังอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างเป็นขั้นเป็นตอนแทนที่จะสะดีดสะดิ้งสร้างโมเมนต์แห่งความยุ่งยากให้กับคนขับ กล่าวง่ายๆเลยก็คือ Z4 เป็นรถของนักขับอย่างแท้จริง และมันมีการมีส่วนร่วมในการขับขี่และศักยภาพที่เหนือกว่ารุ่นก่อนหน้าของมัน แต่อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ได้เป็นรถสำหรับนักขับที่มีฝีมือและประสบการณ์สูงเท่านั้น

ส่วนที่เหลือก็ยังคงเป็นระบบอิเลคทรอนิคส์ที่เข้ามาช่วยทำให้รถคันนี้มีความสุขุมมากขึ้น พวงมาลัยที่มีระบบช่วยผ่อนแรงที่ควบคุมด้วยไฟฟ้าเป็นแบบอัตราทดแปรผัน ซึ่งมันก็ความรู้สึกถึงการควบคุมที่ต่อตรงจากคนขับลงไปที่พื้นถนนนั่นเลยโดยไม่ออกอาการวอกแวกแม้แต่นิดเดียวบนมอเตอร์เวย์ สิ่งที่อยากจะบ่นก็มีเพียงข้อเดียวก็คือพวงมาลัยของมันที่ดูอวบอ้วนไปหน่อย (แต่ก็ดูสวยดี)

เบรก M Sport ของมันก็มีพลังในการจับอย่างเหลือเฟือ และความแน่นกระชับของแป้นเบรกก็ช่วยสร้างความมั่นใจ และไม่แสดงอาการเฟดออกมาเลยถึงแม้มันจะถูกอัดลงมาอย่างหนักหน่วงในช่วงลงเขา ส่วนช่วงล่าง Adaptive M Sport ที่มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานของรถคันนี้ก็จะทำให้รถเตี้ยลงอีก 10 มิลลิเมตรเมื่อเทียบกับ Z4 คันอื่น ซึ่งจะมีโช้กอัพที่ควบคุมด้วยไฟฟ้าติดตั้งมาให้ด้วย

คุณสมบัติการทำงานของมันเปลี่ยนไปตามโหมดการขับขี่ ก็อย่างที่คุณเคยรู้มาก่อน BMW มีความสามารถในการปรับแต่งระบบช่วงล่างให้แปรเปลี่ยนได้อย่างเหมาะสมตามแต่ละสถานะการณ์ ยกตัวอย่างเช่น เวลาอัดเข้าไปในโค้ง มันยังคงรักษาอาการรถให้นิ่งเอาไว้ได้ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่เสียความนุ่มนวลไป

EXTRA RIGIDITY

ตัวที่อยู่เบื้องหลังสิ่งนี้ก็คือโครงสร้างตัวถังที่แข็งแรงอย่างไม่น่าเชื่อของมัน BMW เคลมเอาไว้ว่า Z4 ตัวนี้เป็นรถแบบโรดสเตอร์ที่มีโครงสร้างที่แข็งแรงต้านแรงบิดได้มากที่สุดอย่างที่ BMW ไม่เคยทำมาก่อน และนี่คือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างการเป็นรถที่เอาไว้ขับใช้งานสบายๆประจำวันและการเป็นรถสปอร์ต เราสามารถพูดได้เลยว่าในโหมด Comfort มันเป็นรถที่มีความเป็นอารยะอย่างเห็นได้ชัด แถมยังขับนุ่มสบายถึงแม้จะบนถนนสายแย่ๆก็ตามเถอะ

แน่นอนว่าระดับความเงียบในห้องโดยสารก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณเอาหลังคาขึ้นหรือเอาลง BMW ได้เอาระบบหลังคาแข็งแบบพับได้ที่เคยใช้ใน Z4 ตัวก่อนออกไป และเอาหลังคาผ้าที่เบากว่ามาใส่เข้าไปแทน นอกเหนือจากเรื่องความเบาแล้ว มันยังช่วยทำให้จุดศูนย์ถ่วงของรถต่ำลงอีกด้วย มันเสียงลมหวีดหวิวลอดเข้ามาได้บ้างในขณะขับที่ความเร็วสูงเวลาที่เอาหลังคาขึ้น แต่ห้องโดยสารของมันก็เป็นสถานที่ดูอบอุ่นนั่งสบายมากเลยทีเดียว

มีลมวนเข้าในห้องโดยสารพอสมควร เว้นเสียแต่ว่าคุณเอากระจกข้างขึ้น และดูให้มันใจว่าแผ่นรีดลมพลาสติก (อันบางเฉียบ) ที่อยู่ตรงกลางระหว่างแท่งป้องกันรถคว่ำด้านกลังได้อยู่ในตำแหน่งของมันเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้หลังคาแบบใหม่นี้ยังกินพื้นที่เก็บของน้อยลง มันเลื่อนขึ้นลงอย่างเงียบเชียบภายในเวลาเพียง 10 วินาที ด้วยการกดปุ่มที่คอนโซลกลางลงไปเพียงแค่ครั้งเดียว (และสามารถทำงานได้ในขณะที่รถวิ่งด้วยความเร็วไม่เกิน 31 ไมล์/ชั่วโมง) หรือคุณอาจจะกดจากพวงกุญแจในขณะที่คุณอยู่นอกรถ ผ้ามาตรฐานจะมาเป็นสีดำ โดยมีสี Anthracite พร้อมคิ้วสีเงินให้เลือกเป็นออปชั่น

SPACE MATTERS

ช่องเก็บสัมภาระท้ายรถไม่ถูกแย่งพื้นที่ไปโดยหลังคาของมัน ขนาด 281 ลิตรทำให้มันใหญ่กว่า Z4 ตัวก่อนอยู่ถึง 50 เปอร์เซนต์ นอกจากนี้ยังมีที่เก็บของเสริมในห้องโดยสาร แต่ก็ไม่ได้สามารถใส่อะไรเข้าไปได้มากมายนัก เป็นเรื่องที่แปลกมากที่ BMW ได้ทำการลดความยาวฐานล้อของเจ้า Z4 ตัวใหม่นี้ลง (เพื่อเหตุผลในเรื่องความปราดเปรียว)

แต่ในขณะเดียวกันก็ขยายช่วงล้อของมันให้กว้างขึ้น ดังนั้นมันจึงไม่เป็นรถที่มีขนาดโอ่โถงเหมือนกับเจ้าตัวก่อนอีกต่อไป แต่อย่างไรก็ดี มันมีความไฮเทคและความหรูหรามากกว่าตัวก่อน คุณนั่งต่ำลงไปบนเบาะที่หุ้มด้วยหนังแท้ชั้นดีที่สามารถปรับตำแหน่งการขับขี่ได้หลากหลายมิติ คันเกียร์อวบอ้วนแบบใหม่ดูสวยงามเป็นพิเศษเมื่อวางอยู่ท่ามกลางปุ่มและสวิตช์ควบคุมต่างๆบนคอนโซลกลางที่ประกอบไปด้วยปุ่มหมุน iDrive, เบรกมือและสวิตช์ควบคุมการเปิดปิดหลังคา, ปุ่มปรับโหมดการขับขี่ รวมไปถึงปุ่ม start/stop สีเมทัลลิคที่ดูสุดแสนจะคลาสสิคอีกด้วย ทุกสิ่งในนี้ถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยวัสดุชั้นดีและถูกทำขึ้นมาอย่างประณีตที่ชวนให้เอื้อมมือไปสัมผัส

Z4 M40i ทุกคันจะมี BMW Live Cockpit Professional เวอร์ชั่นใหม่ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และคราวนี้หน้าจอทั้งในกรอบมาตรวัดและจอระบบสัมผัสที่คอนโซลกลางจะมาเป็นขนาด 10.25 นิ้ว มันดูสวยสุดยอด แถมยังดูทันสมัยและให้ภาพที่คมชัดอีกด้วย นอกจากนี้จอระบบสัมผัสที่คอนโซลกลางก็ยังมีการตอบสนองที่เร็วขึ้น แต่การควบคุมส่วนใหญ่ก็ยังขึ้นอยู่กับปุ่มหมุนที่ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม มันควรค่าแก่การควักเงินเพิ่มเพื่อเอาจอแสดงข้อมูลระดับสายตาด้วย มันแสดงข้อมูลขึ้นมาได้อย่างชัดเจน และดูง่ายเพียงแค่เหลือบตาไปมอง แถมยังสวยงามอีกด้วย

รูปลักษณ์ภายนอกของ M40i คันนี้สามารถสะกดสายตาคุณเอาไว้ด้วยรูปทรงเหลี่ยมทั้งสี่มุมและสีเทา Cerium Grey ของมันที่บอกให้รู้ว่ามันคือรถที่ทำออกมาจาก M Performance Vehicle (ถึงแม้ว่ารถคันที่เอามาลองขับนี้ดูใกล้เคียงกับสีเทา Frozen Grey) นอกจากนี้รถคันที่เราเอามาทดสอบนี้ยังมีออปชั้นล้อขนาด 19 นิ้วที่เล่นสีเป็นสองสี ซึ่งปกติแล้วจะเป็นไซส์ 18 นิ้วสำหรับรุ่นนี้ (ส่วนรุ่นอื่นๆจะเป็นไซส์ 17 นิ้ว) รถทุกรุ่นมีขนาดยางที่แตกต่างกันออกไป นั่นเป็นการแสดงให้เห็นว่า BMW ค่อนข้างซีเรียสในเรื่องความไดนามิกของเจ้า Z4 เป็นอย่างมากเลยทีเดียว

EYE-CATCHERS

อีกหนึ่งสิ่งที่จะสะกดสายตาคุณเอาไว้ก็คือ “ช่องหายใจ” ที่อยู่ด้านหลังของล้อหน้าที่ยื่นออกมาดูสะดุดตาและดูดุดันกว่าที่เห็นในภาพ ส่วนที่ด้านหน้าก็ยังคงมีช่องตะแกรงรูปไตตามธรรมเนียมของ BMW แต่จะมีจุดเด่นที่ตะแกรงที่เป็นตาข่ายลายสามมิติ โดยมีไฟหน้า LED สุดไฮเทคซ้อนขนาบเอาไว้ในแต่ละข้างในแนวตั้ง ซึ่งเป็นอะไรที่ออกจะดูแปลกสำหรับความเป็น BMW ส่วนด้านท้ายดูกระจัดกระจายน้อยกว่า ซึ่งจะประกอบไปด้วยแก้มหลังขนาดใหญ่, ปลายท่อไอเสียขนาดใหญ่, แผ่นรีดอากาศที่ดูจริงจัง และไฟ LED อันสวยงาม

รถสเปกอังกฤษมีรุ่นสี่สูบเทอร์โบสองรุ่นให้เลือกได้แก่ sDrive20i และ sDrive30i ถึงจะชือรุ่นต่างกัน แต่ทั้งสองตัวต่างก็ใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตรเท่ากัน แต่ให้กำลังสูงสุดต่างกันที่ 197 และ 258hp ตามลำดับ เจ้าตัวที่แรงน้อยกว่าจะถูกตั้งราคาพร้อมขับเอาไว้ที่ 36,990 ปอนด์ แต่มันก็ไม่ได้เป็นรถที่เชื่องช้าเลยด้วยอัตราเร่ง 0-62 ไมล์ที่ 6.6 วินาทีโดยมีท๊อปสปีดที่ 149 ไมล์/ชั่วโมง ส่วนรุ่น sDrive40i จะถูกตั้งราคาเริ่มต้นเอาไว้ที่ 40,690 ปอนด์ และขึ้นไปที่ 62 ไมล์/ชั่วโมงได้ในเวลา 5.4 วินาทีโดยถูกจำกัดความเร็วเอาไว้ที่ 155 ไมล์/ชั่วโมง

เมื่อเทียบตัวเลขระหว่าง sDrive30i กับ M40i กันแล้ว (ที่ต่างก็ถูกจำกัดความเร็วเอาไว้ที่ 155 ไมล์/ชั่วโมงเท่ากัน) คุณอาจจะสรุปลงไปว่าไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องจ่ายถึง 49,050 ปอนด์ แต่ที่จริงแล้วมันไม่ได้แค่ต่างกันแค่ที่ซาวด์แทรค แต่แชสซีส์ของมันก็ยังมีความพิเศษต่างกันอีกด้วย ผมคิดว่า M40i มีเป็นรถที่มีความเป็นพรีเมี่ยมมากกว่า ถ้าไม่พูดถึงเรื่องความคาดหวังของรถในรุ่นที่เล็กกว่า แต่คุณมั่นใจได้เลยว่า BMW ได้ขัดเกลารถรุ่น Z ที่ดีที่สุดออกมาเรียบร้อยแล้ว

สมัครสมาชิกนิตยสารรายปี 6 เล่ม เพียง 1,000 บ. รับฟรี #BIMMERMEET3 T-Shirt Limited Edition มูลค่า 500 บ. คลิก bit.ly/BMWCar-Line

Share

ใส่ความเห็น