เปิดตำนาน : BMW E30 (Second Generation) 1982-1994

BMW E30 (Second Generation) 1982-1994

ความสำเร็จของ 3 Series รุ่นแรกส่งผลให้ BMW ต้องสร้างประวัติศาสตร์ที่ต่อเนื่อง คราวนี้ Claus Luthe รับหน้าที่ควบคุมการออกแบบจนได้มาซึ่ง 3 Series เจนเนอเรชั่นที่สอง (E30) ในปี 1982 มันถูกเผยโฉมสู่สาธารณะด้วยแผงกระจังที่ปรับตั้งตรงมากขึ้น ดึงดูดสายตากับเส้นสายรอบคันที่คมกริบ ซึ่งแน่นอนว่าการขับขี่ที่เชื่อมต่อความสะดวกสบายเข้าไว้ด้วยกัน รวมถึงนวัตกรรมที่โดดเด่นถูกสืบทอดมาอย่างเคย และใน E30 นี้เองได้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญให้กับ 3 Series มากมาย รวมถึงรูปแบบตัวถัง Sedan สี่ประตูที่เพิ่มขึ้นมาเพื่อความสะดวกสบายในการโดยสารที่มากขึ้น

และในช่วงเวลานั้น BMW ก็ให้ความสำคัญกับมอเตอร์สปอร์ตมาก โดยหลังจากชนะการแข่งขัน Formula 1 ในปี 1983 พวกเขาเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการแข่งขันทัวร์ริ่งคาร์มากขึ้น ด้วยการให้แผนก M-Division ทำการปรับแต่งรถแข่งที่สามารถวิ่งถนนได้ พวกเขาเอา E30 Coupe มาทำเป็นตัวแรงอย่าง “M3” มันถูกโมดิฟายด้วยเครื่องยนต์ S14 ที่มีฝาสูบแบบ 16 วาล์ว เพื่อลงแข่ง Group A และเพื่อให้ผ่าน Homologation รถที่มาลงแข่งนั้นต้องเป็นรถที่มีการผลิตเพื่อจำหน่ายจริง จึงมีรถ E30 M3 จำนวน 17,970 คันถูกขายออกมาวิ่งอยู่บนท้องถนนด้วย ซึ่งมันก็มาในคราบของรถแข่งที่จดทะเบียนได้ดี ๆ นั่นเอง ทุกวันนี้ E30 M3 ยังคงได้รับการขนานนามว่าเป็นรถแข่งทัวร์ริ่งที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด

ต่อมาในปี 1985 ก็เป็นปีแรกที่มีการส่งกำลังไปยังพื้นถนนด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อใน 325iX ที่เป็นต้นแบบให้กับระบบ xDrive ในปัจจุบัน โดยในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง Max Reisbock วิศวกรที่ทำงานใน BMW Prototype construction ก็ต้องการเพิ่มพื้นที่สำหรับสัมภาระที่มากขึ้น เขารู้สึกหงุดหงิดกับความจริงที่ว่ารถของเขามีพื้นที่จัดเก็บไม่เพียงพอ สำหรับครอบครัวที่มีสี่คนเช่นเขา และเนื่องจากเขาก็ไม่เต็มใจที่จะซื้อรถค่ายอื่นด้วย เขาจึงตัดสินใจสร้าง E30 Sedan ของเขาให้ออกมาแบบวากอนในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 1984 ในโรงรถกับพวกของเขา เขาซีเรียสกับทุกจุดเพื่อให้มั่นใจว่ารถของเขาจะสามารถได้รับการอนุมัติให้วิ่งใช้งานได้บนท้องถนน หลังจากขมักเขม่นอยู่ในโรงรถเขากว่า 6 เดือนก็ได้ BMW วากอนที่สง่างามและมีชีวิตชีวา ทำให้ผู้บริหาร BMW ต้องประหลาดใจเมื่อเขาพบเห็น ปลายปีนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะผลิต E30 แบบห้าประตูนี้ออกมาด้วย จนในปี 1985 ก็กำเนิด 325i แบบวากอนและเรียกมันว่า “Touring” มันถูกเปิดเผยสู่สาธารณชน ด้วยความยาว 1.55 เมตรและปริมาตรที่เพิ่ม 1,125 ลิตร เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด แต่ยังกลมกลืนกับเส้นสายเดิม และเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง E30 Touring สามารถดึงดูดผู้ซื้อจำนวนมาก จนขายได้ถึง 103,704 คัน

นับว่าเป็นรุ่นที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดอีกรุ่นตั้งแต่ BMW เคยทำมา ทำให้ตลอดช่วงเวลาการทำตลาดของ E30 นั้นยาวนานถึง 12 ปี ! กับรูปแบบตัวถังทั้ง Sedan, Coupe, Cabriolet และ Touring ทำให้มีประชากร E30 ออกจากโรงงานกระจายไปอยู่ทั่วโลกรวม 2,433,000 คัน

BMWCar Magazine Thailand Issue 51, May-June 2019

สมัครสมาชิกนิตยสารรายปี 6 เล่ม เพียง 1,000 บ. รับฟรี #BIMMERMEET3 T-Shirt Limited Edition มูลค่า 500 บ. คลิก bit.ly/BMWCar-Line

#BMWCarMagazineTH #BMWTH

Share

ใส่ความเห็น