คุณเอิร์ธ-ธนภ พงศ์ธนา ชายหนุ่มผู้หลงใหลในสองประตู Coupe ยุค Modern Retro

แม้ว่าจะมีรถในครอบครองหลายสิบคัน แต่มีอะไรบางอย่างที่ทำให้ ‘คุณเอิร์ธ-ธนภ พงศ์ธนา’ สถาปนิกผู้หลงใหลในรถสองประตูคนนี้ต้องซื้อรถ BMW รุ่นเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า

การที่คนเราจะหลงใหลรถยี่ห้อหนึ่งได้นานกว่าสองทศวรรษนั้นแน่นอนว่าต้องมีอะไรที่พิเศษ คุณเอิร์ธเล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นความผูกพันระหว่างคุณเอิร์ธและรถ BMW ซึ่งแทบจะเรียกว่าโตกันบนรถ เพราะจากบ้านพักย่านบางใหญ่แต่ต้องนั่งรถไปเรียนที่ในเมืองนั้นต้องใช้เวลาพอสมควรในการเดินทาง

“ตอนนั้นรถของคุณพ่อเป็น BMW Series5 E39 ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่บนรถในวันหนึ่งนานมาก จนมีเวลามากพอที่จะเล่นปุ่มเครื่องเสียง ปุ่มปรับแอร์คอนโทรลหรือฟังก์ชั่นอะไรก็ตามในรถจนทะลุปรุโปร่ง มันทำให้ผมเริ่มซึมซับกับเทคโนโลยีของมันมั้ง จนตอนประมาณ ม.5 ก็เลยเริ่มเก็บตังค์ซื้อรถ BMW คันแรกได้เป็น Series5 E34 ไม่รู้เหมือนกันนะว่าทำไมตอนนั้นถึงอยากได้ E34 แต่ส่วนหนึ่งเพราะราคาตอนนั้น เราสามารถจับต้องได้ จำได้ว่าคันนั้นซื้อมือสองมาสี่แสนกว่าบาท และมันก็มีของเล่นให้เลือกเยอะ พอได้มาเราก็เริ่มแต่งมันด้วยการเปลี่ยนเครื่อง 540i แล้วก็ทำภายในเป็น ALPINA ซึ่งตอนนั้นพวกของแต่งมันยังหาง่าย และราคาไม่ได้พุ่งไปไกลแบบทุกวันนี้ ผมเห็นราคาทุกอย่างตอนนี้แล้วผมยังงงแล้วตอนหลังผมก็ขายไป คนที่ซื้อไปเขาก็จอดเก็บมันอยู่ในสภาพเหมือนตอนนั้นเลย”

หลังจากนั้นก็มีรถมากมายหลายรุ่นผ่านเข้าออกโรงจอดรถของคุณเอิร์ธที่เราเห็นตั้งแต่รถคลาสสิกไปจนถึงซูเปอร์คาร์ที่ส่วนใหญ่จะเป็นรถสองประตู “ผมเป็นคนที่เปลี่ยนรถบ่อยมากหลักเกณฑ์ในการเลือกเก็บของผมไม่มีอะไรมาก คือในฐานะคอลเลกเตอร์คนหนึ่ง ที่ไม่ว่าจะรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ นาฬิกา หรือแม้กระทั่งพระเครื่อง ก่อนที่ผมจะเล่นผมต้องเลือกสายก่อนอย่างพระเครื่องผมจะเล่นสายเมตตา ถ้าเป็นรถยนต์ผมก็จะเลือกเก็บแต่รถสองประตู เพราะผมชอบรถสองประตู และที่สำคัญผมแพ้รถมีโป่ง “ความจริงคือ BMW ยุคใหม่บางทีก็ตามแฟชั่นเกินไปจนขาดเอกลักษณ์ของตัวเอง” และผมไม่ค่อยได้สนใจหรอกว่าราคาของมันจะมีมูลค่าในอนาคตหรืออะไร แต่จะอยู่ที่ว่าเราชอบมันจริง ๆ หรือเปล่า

“BMW เนี่ยผมบอกได้เลยว่าใช้มาแทบทุกรุ่นแล้ว แต่บางคันถ้าผมใช้แล้วไม่ใช่ก็คือไม่เอาเลยนะ สถิติที่เร็วที่สุดคือ X1 รุ่นแรกที่ผมใช้แค่ 5 วัน แล้วขายเลย ไม่ใช่ว่ารถมันไม่ดีนะ แต่แค่ไม่ใช่สำหรับผม ผมชอบรถแบบโมเดิร์นเรโทรที่มีคาแร็กเตอร์ที่ชัดเจนอย่าง M3 ในยุค 90’s อย่าง M3 E30, M3 E36, M3 E46 สามบอดี้นี้จะต้องมีจอดอยู่ในโรงรถของผมตลอด ผมมี M3 E30 วนไปวนมาไม่ต่ำกว่า 10 คัน ผมเล่นมาจนเหมือนเพื่อนที่สนิทกันแล้ว เข้าใจกันแล้วว่ารถมันมีปัญหาอะไรตรงไหนและจะแก้ไขมันยังไง และทุกคนรู้อยู่แล้วว่า M3 E30 มันเป็นรถที่ขับดีสุด ๆ ส่วน E36 นี่ก็ชอบที่หน้าตามันดูธรรมดาแบบคลาสสิค
โมเดิร์น มีความโค้งมนในตัวถังเหลี่ยม ๆ และ E46 นี่สวยเลย เส้นสายที่ดูโค้งมน แต่ก็ไม่ได้เว่อวัง มันเป็นร่นุ เดียวที่ผมไม่ร้จู ะไปแต่งอะไรมันตอนแรกเด็ก ๆ มีของแต่งอะไรเราก็ใส่ของไว้เต็มแต่พอเวลาผ่านไปผมก็ค่อยๆ เปลี่ยนมันออก แล้วใส่ของเดิม สุดท้ายแล้วมันเป็นอะไรที่เซอร์ไพรส์ว่าสุดท้ายแล้วรถเดิม ๆ มันสวยที่สุดแล้ว”

ไม่ว่าจะมีการซื้อรถรุ่นไหนเข้า หรือขายรุ่นไหนออก แต่ในทุกช่วงเวลาต้องมี M3 อยู่ประจำโรงรถของคุณเอิร์ธอยู่ตลอด แต่ก็ไม่ใช่ว่า M3 ทุกรุ่นที่จะมัดใจสถาปนิกหนุ่มคนนี้ไว้ได้ อย่าง M3 E92 ก็เคยอยู่ในครอบครองของเขา แต่ขับแล้วไม่ชอบประกอบกับรูปลักษณ์ที่ดูหวือหวาไปสักหน่อยทำให้ปัจจุบันนอกจาก M3 ทั้งสามบอดี้ E30, E36, E46 แล้ว ยังมีรถใช้งานเป็น M5 E60, X6M และ E66 ALPINA ซึ่งจำนวนของรถค่ายนี้มีมากกว่าค่ายอื่นที่จอดอยู่ในโรงรถ เราจึงได้โอกาสถามถึงมุมมองของเขาในฐานะนักออกแบบที่คลั่งไคล้รถ BMW ด้วย

“รถที่มีกระจังหน้า Kidney Grille เป็นเอกลักษณ์ มันมักเป็นผู้นำอะไรสักอย่างก่อนชาวบ้านเขา อย่าง iDrive หรือเกียร์ SMG ที่เราไม่คิดว่ามันจะมาอยู่ในรถถนนทั่วไป และเป็นรถที่บานลานซ์ดีมาก สำหรับผมจุดเด่นอีกอย่างของ BMW คือเวลานั่งแล้วคนนอกมองเข้ามามันหล่อกว่าคันอื่น เหมือนนักออกแบบจินตนาการเหมือนว่าตัวเขาเองนั่งอยู่ในรถแล้วออกแบบทุกอย่างมันดูลงตัวไปหมด แต่ความจริงคือ BMW ยุคใหม่บางทีก็ตามแฟชั่นเกินไป จนขาดเอกลักษณ์ของตัวเอง ในรุ่นใหม่มันดูแทบไม่ต่างจากค่ายอื่นแต่ถ้าเราเห็น E30 วิ่งมาไกล ๆ เรารู้ได้ทันทีว่าเป็น E30 นั่นคือเรื่องจริง จำได้ไหมไฟวงแหวนของ E39 ในตอนแรก ดีไซเนอร์บอกว่า คุณต้องใช้เวลามองรถคันนี้อย่างน้อยสี่เดือน มันถึงจะสวย มันเป็นงานศิลปะที่ต้องตั้งใจดูเลยทำให้
เรารู้สึกว่ามันมีคุณค่า ซึ่งเราจะไม่ได้พบอารมณ์แบบนี้ใน BMW ยุคใหม่”

ถึงแม้ว่าการเป็นสถาปนิกคืออาชีพหลักของคุณเอิร์ธ แต่อีกด้านหนึ่งเขายังคงเดินหน้าทำในสิ่งที่ชอบด้วยการร่วมกันกับกลุ่มเพื่อน ๆ ที่บ้ารถเหมือนกัน ทำธุรกิจเกี่ยวกับการตกแต่งรถยนต์ภายใต้ชื่อ ‘Shift Up’ ซึ่งโดยส่วนใหญ่ก็จะทำเกี่ยวกับการอัพเกรดชุดเบรกอย่างพวก Brembo และติดตั้งกล่องจูนนิ่งแบรนด์ ECU MASTER จากโปแลนด์ ซึ่งธุรกิจนี้เป็นเหมือนการพักผ่อนอยู่กับสิ่งที่เขารักและหลงใหล พร้อมยังเล่าให้ฟังถึงความสนุกของการเอาเทคโนโลยีมาอแดปใส่ลงไปในเครื่องยนต์ S14 ของ E30 M3 ที่ต้องดัดแปลงอะไรกันนิดหน่อยเพื่อให้เครื่องโบราณแบบนี้มีระบบจุดระเบิดแบบไดเร็กคอยล์ซึ่งควบคุมด้วยกล่อง ECU Master Pro ซึ่งตอนนี้ก็สำเร็จแล้วและที่สำคัญได้แรงม้าเพิ่มขึ้นอีกฝูงหนึ่งก็เป็นความสนุกของคนที่ชอบแต่งรถคลาสสิกจริง ๆ

“รถ BMW ยุคก่อนมันเป็นอะไรที่เข้าใจง่ายอะไหล่มันหายากก็จริง แต่ยังดูแลรักษาง่าย รถรุ่นใหม่ ๆ มีความจุกจิกพอสมควรเวลาที่มันพังผมเคยเอารถ BMW รุ่นโมเดิร์นหน่อยที่เป็นเกียร์ไฟฟ้า ลิ้นเร่งไฟฟ้า ไปจอดที่สนามบิน สุดท้ายผมลงเครื่องมา ‘เกียร์เข้าไม่ได้’ แล้วเกียร์ไฟฟ้ามันไม่สามารถเข็นได้ รปภ. ต้องเข็นรถที่แน่นขนัดในอาคารจอดรถของสนามบินอยู่ร่วมสี่ชั่วโมงเพื่อเปิดทางให้รถสไลด์ขึ้นไปรับ ถามว่ารถรุ่นใหม่ ๆ สนใจรุ่นไหนบ้างไหม อนาคตก็อาจจะเป็น M4 ถามว่าชอบไหมก็ชอบนะ แต่ผมคงไม่ลงทุนซื้อมันในราคาแปดล้านกว่า ไม่ได้หลบเพราะราคามันเยอะ แต่ผมคงอยากซื้อ E30 M3 Evolution ที่มันมีเรื่องราวมากกว่า”

สมัครสมาชิกนิตยสารรายปี 6 เล่ม เพียง 1,000 บ. รับฟรี #BIMMERMEET3 T-Shirt Limited Edition มูลค่า 500 บ. คลิก bit.ly/BMWCar-Line

#BMWCarMagazineTH #BMWTH

 

       

Share

ใส่ความเห็น