รถยนต์ไฟฟ้า BMW 10 ปีแห่งความสำเร็จบนปณิธานอันแรงกล้า

เป็นที่ทราบกันดีว่าการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ก่อให้เกิดปรากฏการณ์เรือนกระจก การที่ชั้นบรรยากาศของโลกกระทำตัวเสมือนกระจกที่ยอมให้รังสีคลื่นสั้นจากดวงอาทิตย์ผ่านทะลุลงมายังผิวพื้นโลกได้ ทำให้โลกร้อนขึ้น BMW Group จึงได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะลดการปล่อย CO2 ในยานพาหนะรุ่นใหม่ในสหภาพยุโรปลง 50% โดย BMW Group ได้ทำการเทียบกับปี 1995 และทำให้เห็นได้ว่า BMW ได้ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ถึง 53%

ด้วยคำมั่นสัญญาในเรื่องนี้เองทำให้ BMW พัฒนารถยนต์ไฟฟ้าภายใต้ “Project i” ซึ่งเกิดขึ้นมามาตั้งแต่ปี 2008 และเปิดตัว BMW i สู่สาธารณชนเป็นครั้งแรกในเดือนกุมภาพันธ์ 2011 พร้อมหลักประจำใจภายใต้ชื่อ “Born electric” การเปิดตัวครั้งยิ่งใหญ่ในครั้งนั้นทำให้กลายเป็นสัญลักษณ์ของยานพาหนะแห่งอนาคต ด้วย ไอคอน i ที่กลายเป็นมิติใหม่ของรถไฟฟ้าส่วนบุคคล

BMW i8 Concept

BMW i8 Concept

BMW i3 Concept

จากแนวคิดข้างต้นของ BMW i ที่มีเป้าประสงค์ที่จะทำเพื่อโลกของเราให้ดีที่สุด ก่อมลพิษน้อยลงหรือไม่ก่อมันเลย ทั้งการนำไฟฟ้ามาใช้ในยานยนต์ การไม่ก่อก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ทั้งในด้านการผลิตและใช้งาน ทั้งนี้ยังรวมไปถึงการลดการใช้พลังงานพลังงานฟอสซิลอย่างน้ำมันลงในการผลิตถึง 70% และใช้พลังงานบริสุทธิ์ 100% ในไลน์การผลิต ทำให้การผลิต BMW i ใช้วัสดุรีไซเคิลและวัตถุดิบทดแทนได้ในการผลิต นอกจากนี้ยังใช้คาร์บอนไฟเบอร์ CFRP น้ำหนักเบา และผสานบริการดิจิทัล (Digital service) เข้าไปในตัวรถ และออกแบบให้ผู้ใช้งานสามารถที่จะชาร์จไฟเข้าตัวรถได้ที่บ้านหรือที่ไหนก็ได้ระหว่างการเดินทางแบบสะดวก

BMW i3

การพัฒนาของ BMW ไม่หยุดยั้งและด้วยปณิธานอันแรงกล้า BMW ได้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าคันแรก คือ BMW i3 ซึ่งวางขายในปี 2013 เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าคันแรกที่ผลิตด้วย Carbon Fiber Reinforced Polymer หรือ CFRP สามารถวิ่งได้ไกล 130-160 กิโลเมตรต่อการชาร์จจนเต็มหนึ่งครั้ง การพัฒนาที่ไม่หยุดยั้งตลอด 10 ปีที่ผ่านมา BMW i3 ยังคงได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในรุ่นปัจจุบันได้ใช้แบตเตอรี่ขนาด 42.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง ที่มีความจุมากกว่ารุ่นแรกเกือบสองเท่า ทำให้ BMW i3 ในปัจจุบันวิ่งได้ถึง 245 กิโลเมตรต่อการชาร์จจนเต็ม 1 ครั้ง

BMW i8 Roadster

ตามมาในปี 2014 ได้มีการเปิดตัว BMW i8 รถซุปเปอร์คาร์ที่ดูล้ำอนาคต ด้วยเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดคันแรกของโลก ไม่เท่านั้น มันยังเป็นรถที่รวมสุดยอดเทคโนโลยีของโลกในเวลานั้นเข้าไว้ด้วยกัน และเป็นรถที่ใครหลายคนบอกว่าต้องมีให้ได้ ก่อนที่ทาง BMW จะออกเวอร์ชันโรดสเตอร์ตามมาในปี 2018 ด้วยการออกแบบที่ล้ำสมัย BMW i8เป็นรถยนต์รุ่นแรกของโลกที่ใช้ไฟหน้าเลเซอร์ รวมไปถึงการสร้างชิ้นส่วนด้วยกระบวนการพิมพ์ 3 มิติแบบใหม่ ความล้ำสมัยในทุกๆ ด้านทำให้ BMW i8 คว้ารางวัลระดับโลกมากมายทั้ง เช่น ได้รับรางวัล the 2012 North American Concept Vehicle of the Year, the 2013 Best Production Preview Vehicle award, AutoGuide’s 2015 Reader’s Choice Green Car of the Year และอื่นๆ อีกมากมาย ก่อนที่ BMW จะตัดสินใจสิ้นสุดสายการผลิตในเดือนมิถุนายน 2020 ทำให้รถรุ่นนี้กลายเป็นตำนานอย่างแท้จริง

อย่างไรก็ดี โปรเจ็ค BMW i ก็ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยมา จาก i3 สู่ i8 BMW มุ่งมั่นพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าอย่างจริงจัง ทำให้เราได้เห็นรถล้ำๆ ที่ดูคล้ายหลุดมาจากโลกอนาคต อาทิ BMW Vision iNEXT ในปี 2018 BMW i Hydrogen Next ในปี 2019 ก่อนจะสร้างความสั่นสะเทือนวงการรถยนต์พรีเมียม ด้วยสปอร์ตยูทิลิตีไฟฟ้า 100% BMW iX3 ที่เปิดตัวพร้อมขายในปี 2020
จากก้าวแรกจนถึงวันนี้ ผ่านไป 10 ปี โปรเจ็ค BMW i ได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีได้ถูกส่งไม้ต่อมาถึงมือ BMW iX ใหม่ ยานยนต์พลังไฟฟ้าแห่งอนาคต ที่มีกำลังเทียบได้กับรถสปอร์ต 500 แรงม้า แบตเตอรี่ความจุ 100 กิโลวัตต์ชั่วโมงสามารถขับขี่ได้เป็นระยะทางมากกว่า 600 กิโลเมตรเมื่อชาร์จแบตจนเต็ม หรือเทียบเท่ากับรถยนต์เติมน้ำมันจนเต็มถัง

ที่มา: www.BMW.com

BMW Vision iNEXT

BMW i Hydrogen Next


BMW iX


BMW i4 Concept

BMW i4

Share

ใส่ความเห็น