Behind the BMW Virtual Experience Scene


หากใครที่ได้ชมการเปิดตัวของ The New BMW 5 Series แบบ Virtualของ BMW ไปแล้วก็คงจะทราบกันดีว่าเป็นอะไรที่แปลกใหม่สำหรับยุค New Normal ในสภาวะที่ยังมีโรค Covid-19 แพร่ระบาดอยู่ ซึ่งบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในบริษัทที่ตระหนักและใส่ใจกับเรื่องนี้มากๆ โดยเราจะเห็นได้ว่าหลังจากที่มีการเปิดตัว BMW Virtual Experienceเราจะเห็นโปรแกรม Home Delivery Test Drive ตามมาติด ซึ่งทางบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยก็ได้นำ The New BMW 5 Series ไปส่งให้ลูกค้าถึงที่บ้าน พร้อมวิทยากรผู้มีความรู้ไปให้คำแนะนำ สำหรับผู้ที่สนใจจะซื้อ

โดยวันนี้ผมจะพูดถึงเบื้องหลังของการถ่ายทำ VDO Behind the scene ‘BMW Virtual Experience’ ในสิ่งที่คุณยังไม่รู้ถึงรายละเอียดความยากง่ายในการถ่ายทำในครั้งนี้ ซึ่งโชคดีที่ได้ผู้กำกับโปรเจ็คนี้อย่าง ชินพล ธัญญเจริญ และ “อู๋ Spin9” อติชาญ เชิงชวโน มาเล่าให้เราฟังกัน

โดยชินพล เล่าว่า “การรวบรวมรถ BMW ซีรี่ย์ 5 ซึ่งเป็นรถรุ่นที่สำคัญของ BMW รุ่นหนึ่งต้องมีการวางแผนที่จะเล่าออกมาในรูปแบบไหน ต้องมานั่งคิดว่าจะทำอย่างไรให้เนื้อหามันดูหน้าสนใจเป็นพิเศษ สำหรับการเปิดตัวในครั้งนี้ ซึ่งหากคนที่ได้ชมวิดีโอตัวนี้ก็จะพบว่า มีการเล่าเรื่องแบบย้อนประวัติของยุคแรก ๆ ของ ซีรี่ย์ 5 ที่ได้มีการเริ่มพัฒนาทั้ง 6 เจเนอแรชั่น ตั้งแต่รถ BMW 5 Series รุ่นแรก เมื่อปี 1972 จนถึงรุ่นในปี 2010 เพื่อเป็นการเล่าเรื่องราวของการเปลี่ยนแปลงของรถในแต่ละยุค ซึ่งต้องหารถที่มีอายุมากสุดถึง 30 ปี ที่ยังคงมีสภาพสมบูรณ์ที่สุดเท่าจะหาได้มาเข้าฉาก โดยความยากในครั้งนี้ ได้ Partner อย่างทีม BMWCar Magazine TH ที่ช่วยหารถทั้ง 6 เจเนอแรชั่นมาได้สำเร็จ ภายในระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน”


ซึ่งในเรื่องของการถ่ายทำและเล่าเรื่องนั้น ชินพลกล่าวว่า “เพื่อที่จะให้ได้เนื้อหาที่ต่อเนื่อง จึงใช้การถ่ายทำแบบใช้เทคนิค Long Take หรือ การถ่ายแบบยาว ๆ โดยไม่คัตเลย จึงเป็นการถ่ายทำที่ทำให้ผู้รับชมได้เนื้อหาอย่างต่อเนื่อง สามารถติดตามได้ง่าย และทำให้ผู้รับชมอยู่กับเนื้อหา”


ด้านพิธีกรอย่าง “อู๋ Spin9” ก็พูดถึงเรื่องความท้าทายในการถ่ายทำในครั้งนี้โดยเฉพาะเมื่อรู้ตัวว่าจะต้องมีการถ่ายทำโดยการใช้เทคนิค Long take ว่า “โอ้โห! เมื่อผมรู้ตัวว่าต้องทำงานที่เป็น Long Take แล้วรู้เลยว่าตัวเองจะต้องแม่นข้อมูลมาก ๆ ต้องทำการบ้านมาเยอะมาก โดยเฉพาะเรื่องที่จะต้องเล่า มันเป็นการเล่าถึงรถยนต์ ซีรี่ย์ 5 มาทุกยุคทุกสมัย ซึ่งหากเราทำความเข้าใจอย่างดีว่าในแต่ละยุคนั้นมีอะไรเกิดขึ้น เราก็จะสามารถเล่าได้เป็นอย่างดีเป็นธรรมชาติที่สุด และไม่ต้องมานั่งจำสคริปต์ทีละบรรทัด มันไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนการถ่ายทำที่ทุก ๆ ครั้ง ที่ทุกคนอาจจะเคยเห็นผมจากวีดีโออื่นๆ ซึ่งผมสามารถคัตและเทคใหม่เมื่อไหร่ก็ได้ที่เราพูดผิด แต่สำหรับงานนี้แล้วการสั่งคัตแต่ละครั้ง มันทำให้ทุกๆอย่างเริ่มใหม่หมด”

“สิ่งที่ค้นพบจากการถ่ายทำในครั้งนี้อีกเรื่องหนึ่ง คือ ต่อให้ผมแม่นบทขนาดไหน แต่เวลาเข้าไปทำงานในจุดนั้น จะต้องใช้สมาธิที่สูงมาก เพราะมันมีเรื่องของบล็อกกิ้งในการเดินไปหยุดในแต่ละจุดเข้ามาเพิ่ม ซึ่งรถแต่ละคันก็ไม่เหมือนกัน อีกทั้งยังต้องมีคิวกับนักแสดงประกอบอีก ซึ่งคิวต้องสัมพันธ์กัน ต้องจำให้ได้ และมีคันหนึ่งที่ท้าทายสำหรับผมมาก คือ ผมต้องให้กล้องตัดหน้าไปก่อน แล้วตัวเองจะต้องเล่าไปด้วย พร้อมกับวิ่งตัดหลังกล้อง เพื่อไปดักหน้าอีกที ทำให้ผู้ชมอาจจะรู้สึกว่าเราหายตัวได้ ซึ่งผมต้องแม่นทุกอย่างและมันท้าทายขนาดที่ทำให้เราออกจาก Comfort zone ของเรา” อู๋ Spin9 เล่าอย่างตื่นเต้น


ปัจจัยที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือสถานที่ถ่ายทำ ซึ่งตอนแรกทางผู้กำกับมองว่า อยากจะหาสถานที่ ๆ มันใหญ่และสามารถใส่รถเข้าไปได้ 6 คัน แต่สุดท้ายไม่เป็นอย่างที่คิด ไม่มีสตูดิโอไหนที่มีพื้นที่พอให้นำรถทั้งหมดมาเรียงต่อกันเพื่อถ่ายทำตั้งแต่ต้นจนจบได้

“เรากลับได้สถานที่อีกแบบที่เล็กลงมากกว่านั้น ดังนั้นทีมงานจึงต้องนำเอาเทคนิกการเปลี่ยนฉากแบบละครเวทีเข้ามาใช้ โดยฉากทั้งหมดเป็นจอ LED ขนาดใหญ่กว่า 7 เมตร 3 จอ ที่พอดีกับสตูดิโอ สถานที่ถ่ายทำที่เราได้ และรถอีก 6 คัน นั้นหมายถึงทีมงานต้องนำรถ และพร๊อพในแต่ละยุคเข้ามาเปลี่ยนในช่วงเวลาเพียงเสี้ยววินาที ที่ด้านหน้าจอ LED เหล่านั้น ซึ่งการนำรถเข้ามาสลับในฉากไม่สามารถขับรถเข้ามาภายในพื้นที่ได้ เพราะเสียงจากการสตาร์ทรถจะดัง ซึ่งการถ่ายแบบ Long Take หากมีเสียงรบกวนหรือจำเป็นที่ต้องมีการสั่งคัท จะไม่ใช่แค่พิธีกรเทคแค่คนเดียว แต่จะหมายถึงการต้องเริ่มต้นตั้งแต่ศูนย์ เข็นรถใหม่ ตัวประกอบออกเดินใหม่จากจุดเริ่ม มันอาจจะต้องทำกันใหม่เป็นหลายสิบหรือร้อยเทคเลยก็ได้ ดังนั้น เราเลยต้องเข็นรถทุกคัน เพิ่มจำนวนทีมงานขึ้นอีกหลายสิบคน เพื่อทำหน้าที่เข็นรถกันวันนั้นโดยเฉพาะ”





เมื่อพูดถึงเรื่องของอุปกรณ์ประกอบฉาก พร้อบต่างๆ ที่จะต้องย้อนเวลากลับไปกว่า 30 ปี ที่มาช่วยเสริมให้บรรยากาศในแต่ละฉาก ชินพล กล่าวว่า “เพื่อให้แต่ละยุคให้ดูสมจริงมากยิ่งขึ้น แม้จะเห็นเพียงเสี้ยววินาที แต่ในเมื่อนี่คือการย้อนยุคกลับไป ทุกอย่างจึงต้องสมจริง ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกันที่จะหาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่าง ibook มาเข้าฉากได้ในเวลาไม่ถึง 1 อาทิตย์ โดยใน VDO นี้ อุปกรณ์ประกอบฉากที่เห็นทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น เครื่องโน๊ตบุ๊คของ Apple ในยุค 90 ทุกอย่างคือของในยุคนั้นๆ จริง”



และส่วนสุดท้ายที่ขาดไม่ได้เลยคือ พิธีกร เป็นที่ทราบกันดีว่าในการออกอากาศของ BMW Virtual Experience ที่เปิดตัวซีรี่ย์ 5 เมื่อ 20 มกราคม 2564 ที่ผ่านมานั้น ทางบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้ทำการออกอากาศทาง Facebook ถึงสามช่องทางเป็นครั้งแรก และใช้พิธีกรถึงสามคน ประกอบไปด้วย “อู๋ Spin9” อติชาญ เชิงชวโน ออกอากาศทางเพจ BMW Thailand, “ซี” ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์ ออกอากศทางเพจ Workpoint Entertainment และ “เคน” นครินทร์ วนกิจไพบูลย์ ออกอากาศทางเพจ The Standard

ซึ่งทางชินพล ธัญญเจริญ ผู้กำกับได้พูดถึงเรื่องนี้ว่า ” มันเป็นครั้งแรกของพิธีกรทั้ง 3 ท่าน ที่ต้องถ่ายทำ VDO แบบ long take ทุกคนทุ่มเท ซ้อมคิวกันอย่างหนัก 15 ชั่วโมงต่อวัน เพราะหากพิธีกรพูดผิด คิวผิด ทุกอย่างต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่ ซึ่งทั้ง 3 ท่าน มีเวลาในการเตรียมตัว ท่องสคริปท์ เพียงไม่กี่วัน ซึ่งทั้ง 3 ท่าน คุณเคน คุณซี และคุณอู๋ ต่างก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ทุกท่านทุ่มเทสุดตัว จนทำให้คิวทั้งหมดของเราสามารถถ่ายทำได้จบภายในเวลา และถือเป็นผลงานคุณภาพที่เราภาคภูมิใจอีกชิ้นหนึ่ง”



สำหรับการถ่ายทำ BMW Virtual Experience ทั้งหมดนี้ มีทีมงานเบื้องหลังที่คอยอำนวยความสะดวกทั้งในเรื่องของมาตรการในการป้องกันการระบาดของเชื้อโควิดอย่างเข้มข้น และทีมงานฉาก ทีมงานดูแลเรื่องรถ คิว สคริปท์ ทีมถ่ายทำ หรือแม้แต่ทีมงานที่คอยดูแลอาหารและเครื่องดื่มตลอดการเตรียมการทั้ง 3 วัน รวมทั้งหมดกว่า 120 คน ที่ทุ่มเทเวลามากกว่า 15 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อร่วมกันทำให้โปรเจคนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี เพื่อให้ทุกคนได้เห็นว่า โลกเปลี่ยนไปแล้ว บีเอ็มดับเบิลยูก็เปลี่ยนแล้วเช่นกัน แล้วคุณพร้อมหรือยังที่จะเปลี่ยน “CHANGE The Way you Lead” “LEAD The Way you Change”



 

Share

ใส่ความเห็น