ALPINA Roadster V8 เป็นคำนิยามที่เหนือกว่า Roadster ทั่วไปมันเป็นรถที่เปี่ยมไปด้วยคุณสมบัติพิเศษที่รถรุ่นอื่นไม่มี ความสวยงามแบบ Modern Classic ที่โดดเด่นและเปี่ยมไปด้วยรสนิยม คุณสามารถนั่งมองดูมันได้ทั้งวันแบบไม่รู้สึกเบื่อ แถมมีเครื่องยนต์ที่สุดยอดจาก ALPINA
ในช่วงยุคมิลเลนเนียมที่โลกกำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ผู้คนกำลังตื่นตัวกับ Y2K Problem ปัญหาที่จะเกิดกับระบบเอกสารและการบันทึกข้อมูล ทั้งในแบบดิจิตอล และระบบอนาล็อก เนื่องมาจากการบันทึกปีคริสต์ศักราชในสมัยนั้นถูกนำมาใช้งานเพียงสองหลักท้าย (1999 ก็บันทึกเป็น 99) ซึ่งปัญหามันจะเกิดขึ้นเมื่ออุปกรณ์ต่าง ๆ ใช้งานจนถึงเที่ยงคืนของวันที่ 31 ธันวาคม 1999 และเข้าสู่วันที่ 1 มกราคม 2000 ระบบจะเข้าใจว่าเป็นปี 1900 ทำให้การทำงานของระบบผิดเพี้ยน ช่วงรอยต่อของยุคนั้นเองก็เป็นเวลาเดียวกับที่ BMW ได้เผยโฉมโรดสเตอร์ที่เชื่อมระหว่างความคลาสสิกจากอดีตและความโมเดิร์นอันล้ำสมัย ผ่านผลงานที่ชื่อว่า Z8
BMW Z8 ถูกสร้างขึ้นด้วยแรงบันดาลใจจากโรดสเตอร์ชื่อดังในอดีตอย่าง BMW 507 จนออกมาเป็นผลผลิตที่สวยงามไร้ที่ติ ความเรียบง่ายของการออกแบบและตกแต่งแบบโบราณจาก 507 หน้ายาว ท้ายสั้น สะโพกที่โค้งมน กระจังแยกทรงรีขนาดใหญ่กระจกบังลมที่ตั้งชัน ไฟเลี้ยวซ่อนอยู่ในครีบด้านข้าง คุณแทบจะมองไม่เห็นมันจนกว่าจะเปิดใช้งาน มันเป็นรถที่มีความสวยงามตามแบบที่รถโรดสเตอร์ควรจะเป็น ความสวยงามแบบคลาสสิกนี้มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยด้วยแชสซีส์ผลิตจากวัสดุอะลูมิเนียมทั้งคัน กับเครื่องยนต์ 4.9 ลิตร V8 ที่รู้จักกันดีในรหัส S62 ถูกสร้างขึ้นโดยแผนก Motorsport พกแรงม้าติดมาถึง 400 ตัว ที่ 6,600 รอบต่อนาที และแรงบิด 500 นิวตัน-เมตร ที่ 3,600 รอบต่อนาที ตัวเดียวกับที่ใช้ใน M5 E39 ซึ่ง Z8 ทั้งหมดจะติดตัวมาด้วยเกียร์ธรรมดาหกสปีดเพียงเท่านั้น
เรื่องราวบนแผ่นฟิลม์ ก็มีส่วนทำให้ BMW Z8 เป็นที่จดจำอย่างมากจากการเป็นรถคู่ใจของสายลับอังกฤษอย่าง เจมส์ บอนด์ ที่นำแสดงโดย Pierce Brosnan ใน The World Is Not Enough เราว่ามันน่าจะช่วยกระตุ้นการตัดสินใจในการซื้อได้เป็นอย่างดี ถึงแม้ตอนหลังมันจะถูกแบ่งครึ่งด้วยเฮลิคอปเตอร์พ่วงเลื่อยตัดต้นไม้ในอาเซอร์ไบจานก็ตามที
แต่ถ้าคิดว่า Z8 คือความลงตัวของโรดสเตอร์ก็อาจจะไม่ถูกทั้งหมด เพราะในปี 2003 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของสายการผลิต Z8 นั้น ALPINA ได้ลงมือสร้างรถที่นั่งขับสบาย ๆ อย่างผ่อนคลายด้วยการใส่เกียร์อัตโนมัติให้กับมัน ซึ่งน่าจะเหมาะสมกับรถแบบนี้มากกว่า แต่อย่างไรก็ตามมันถูกผลิตออกมาเพียง ‘555 คัน’
จำนวนการผลิตที่จำกัดแบบนี้ ทำให้ไม่ต้องสงสัยว่ามันเป็นรถที่หายากมากถึงมากที่สุด เป็นที่รู้กันว่ามูลค่าของ Z8 ในตลาดนั้นได้เกินราคาตอนที่มันป้ายแดงไปเป็นที่เรียบร้อย เพราะมันกลายเป็นรถสะสมอันดับต้น ๆ ที่น่ามีไว้ในโรงรถ ฉะนั้นแล้วลองคิดดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับราคาของรถรุ่นพิเศษที่มีแค่ 555 คัน มันเป็นกลไกทางการตลาดที่น่าทึ่งจริง ๆ ซึ่งเคยคิดว่าจะไม่มีโอกาสได้เห็นมันในประเทศไทยซะแล้ว แต่แล้วก็เป็นที่น่ายินดีมากเมื่อรถที่อยู่ตรงหน้าเราตอนนี้คือ Alpina Roadster V8 คันที่ 127 จากทั้งหมด 555 คัน มันมาในสี Titanium Silver ที่เรามักพบได้บ่อย หากเสิรช์ คำว่า BMW Z8 และยนื ยันว่าเคยเห็นสีน้ำเงินผ่านตาในตลาดซื้อ-ขายรถยนต์เมืองไทยอีกคันแต่ไม่ทราบว่าตอนนี้คันนั้นไปไหนแล้ว
เช้าตรู่ของเช้าวันเสาร์เรามีนัดกับรถหมายเลข 127 เพื่อที่จะวิ่งเก็บภาพเพื่อสื่อสารออกไปให้คนได้จดจำว่าในประเทศไทยนั้นก็มีตัวเด็ดอย่าง ALPINA Roadster V8 เช่นกัน ในขณะที่เรากำลังเก็บภาพกันอยู่ตามสถานที่ต่าง ๆ กลางเมืองฝั่งพระนครก็ได้รับการตอบรับจากสาธารณชนที่ผ่านไปผ่านมาอย่างล้นหลาม ไม่เว้นแม้แต่ชาวต่างชาติที่มาท่องเที่ยวชมอารยธรรมก็ต้องแวะเก็บภาพกับเจ้ารถหมายเลข 127 นี้ราวกับเป็นแลนด์มาร์คอีกแห่งของเมืองหลวงยังไงยังงั้น
เส้นสายที่วาดกลืนไปตั้งแต่หัวจรดท้ายนั้นลงตัวดีอยู่แล้ว จน ALPINA ไม่รู้สึกว่าจะต้องแต่งเติมอะไรให้กับมันอีก ใน ALPINA Roadster V8 จึงไม่มีทั้งสเกิร์ตหน้า หรือสปอยเลอร์ใด ๆ มีเพียงล้อขนาด 20 นิ้ว ที่ถึงแม้จะไม่ได้เป็นซี่ถี่ ๆ อย่างที่สำนักนี้ปลาบปลื้ม แต่มาในลายห้าก้านแทน ซึ่งก็ยังคงไม่ทิ้งกลิ่นอายเดิมที่ก้านแต่ละก้านยังคงเป็นซี่เช่นเคย และถึงรูปลักษณ์ภายนอกของมันจะดูเหมือนว่าเป็นการเอา Z8 มาใส่ล้อ 20 พร้อมแปะสัญลักษณ์ ALPINA ลงไปที่ท้ายรถแค่นั้น แต่สิ่งสำคัญที่ Buchloe ทำกับ Z8 คือแทนที่จะใช้เครื่องยนต์ S62 เกียร์ธรรมดาที่โดดเด่นของ Z8 เดิม พวกเขาเลือกติดตั้งเครื่องยนต์ ALPINA 4.8 แทน
เครื่องยนต์ ALPINA 4.8 (4,837 ซีซี) ใน ALPINA Roadster V8 นี้เป็นเครื่องยนต์รหัส (M62B48) ตัวเดียวกับที่ใช้ใน ALPINA B10 V8S (E39) มันคือเครื่องที่ถูกพัฒนาขึ้นมาจาก ALPINA 4.6 (M62B46) ถ้ายังจำกันได้มันคือเครื่องที่เคยมอบให้ BMW ใช้ประจำอยู่ใน X5 รุ่น iS ตัวแรก แล้วนำมาปรับปรุงด้วยข้อเหวี่ยงสำหรับขยายความจุรองรับกระบอกสูบและช่วงชักขนาด 93×89 มิลลิเมตร และด้วยจุดเด่นของเสื้อสูบและฝาสูบอะลูมิเนียม กล่อง Bosch Motronic ลูกสูบ Mahle และระบบท่อไอเสียของ ALPINA ทำให้พละกำลังเพิ่มขึ้นโดยไม่ต้องง้อเทอร์โบชาร์จจนให้แรงม้าสูงสุด 381 แรงม้า และแรงบิด 383 ปอนด์-ฟุต ซึ่งเมื่อเทียบกับเครื่องเดิมของ Z8 แล้วการลดความจุลงนั้นทำให้แรงม้าน้อยลง 19 ตัว กับแรงบิดที่เพิ่มมากขึ้น 14 ปอนด์-ฟุต จะทำให้ ALPINA Roadster V8 จะขับสนุกกว่าหรือ ?
คำตอบก็คือการที่แรงบิดมาในรอบต่ำกว่าก็จะมอบคาแร็กเตอร์อีกแบบสำหรับรถประเภทนี้ และที่สำคัญระบบส่งกำลังถูกจัดมาให้ด้วยเกียร์อัตโนมัติห้าสปีด Switchtronic ของ ALPINA มันเหมาะสมกับการมาอยู่ในรถที่เหมาะกับการขับเล่นแบบนี้ ถึงแม้ว่าอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงของ ALPINA ทำได้ 5.3 วินาที ซึ่งช้ากว่า Z8 ที่ทำได้ 4.7 วินาที แต่ ALPINA ก็สามารถทำความเร็วสูงสุดได้มากกว่าที่ 265 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (มากกว่า 17 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) เห็นได้ชัดว่าการใช้เกียร์อัตโนมัตินั้นสามารถพาตัวถัง Roadster V8 ที่หนัก 1,615 กิโลกรัมไปได้แบบไม่หวือหวา แต่ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้
ภายในห้องโดยสารของ Z8 นั้นถูกออกแบบอย่างเรียบง่ายและเหมาะสมกับการใช้งาน อุปกรณ์ทันสมัยต่าง ๆ ถูกทำให้คลาสสิกและดูกลมกลืนและ ALPINA ก็ไม่ได้ไปแตะต้องอะไรมันมาก แน่นอนว่าหน้าปัดพื้นสีฟ้าและพวงมาลัยเดินด้านเขียวสลับฟ้าต้องถูกนำมาใช้งานแทนที่ของเดิมเหมือนเป็นเครื่องหมายการค้า พร้อมเพิ่มไฟแสดงสัญลักษณ์ที่บ่งบอกตัวตนรวมถึงลำดับการผลิตคอยย้ำเตือนเวลาที่มองเห็นมันว่ากำลังอยู่บนรถลิมิเต็ดที่มีแค่ 555 คัน ต้องขอบคุณเจ้าของรถหมายเลข 127 ที่ยังคงรักษาสภาพได้อย่างสวยงามเหมือนตอนที่มันออกมาใหม่ ๆ
นอกจากเรื่องของขุมพลังที่ขับสบายด้วยเกียร์อัตโนมัติและการตกแต่งดีเทลต่าง ๆ ให้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแล้ว ALPINA ก็ไม่ลืมที่จะปรับปรุงเรื่องของแฮนด์ลิ่งเพื่อให้เป็นรถที่ขับสบายได้อย่างที่ตั้งใจไว้ ALPINA เซตช่วงล่างของ Z8 ด้วยโช้กอัพและสปริงที่นิ่มลง แต่ใช้เหล็กกันโคลงที่แข็งขึ้นทั้งหน้าและหลัง เพื่อหวังในเรื่องของแฮนด์ลิ่ง และมันก็เป็นผล เจ้าของ ALPINA Roadster V8 มักจะบอกว่ามันสามารถขับใช้งานได้อย่างผ่อนคลาย และการตอบสนองของพวงมาลัยก็เป็นอีกจุดที่มักจะได้รับคำชมว่าน้ำหนักดีและเปี่ยมไปด้วยความรู้สึก
ไม่ว่า ALPINA Roadster V8 จะเป็นรถที่มีสมรรถนะดีเพียงใด หรือจะมีเครื่องยนต์ที่สุดยอดจาก ALPINA พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติที่แสนสบาย แต่เชื่อว่าเจ้าของรถเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้นำออกมาใช้เท่าไหร่นัก และยืนยันว่าคนที่มี ALPINA Roadster V8 ในครอบครองไม่ใช่คนที่มีรถเพียงสองหรือสามคัน หรืออาจจะหลักหลายสิบคัน อย่างที่บอกว่ามันมีโปรไฟล์ที่ควรค่าแก่การสะสมมากกว่านำมาใช้งาน รถเหล่านี้จึงยังอยู่ในสภาพที่ยังใหม่ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเจ้าของรถหมายเลข 127 นี้จะไม่ได้ใช้มันเลย ผมยังเห็นได้บ่อยตามสถานที่ต่าง ๆ มันสร้างความประทับใจทุกครั้งที่ได้เห็นและยังแอบชื่นชมในการรักษาสภาพรถปี 2003 ให้เหมือนรถใหม่แบบนี้ ปัญหาเดียวในตอนนี้สำหรับคนที่อยากครอบครอง ALPINA Roadster V8 ไว้ในคอลเลกชั่นคือจะกล่อมเจ้าของรถเหล่านี้อย่างไร ให้พวกเขายอมปล่อยของสะสมอันเพียบพร้อมในทุกด้านที่มีจำนวนจำกัดนี้
สมัครสมาชิกนิตยสารรายปี 6 เล่ม เพียง 1,000 บ. รับฟรี #BIMMERMEET3 T-Shirt Limited Edition มูลค่า 500 บ. คลิก bit.ly/BMWCar-Line
ใส่ความเห็น
คุณต้องเข้าสู่ระบบ เพื่อจะพิมพ์ความเห็น