BMW EV TIPS
ยินดีต้อนรับสู่โลกแห่งรถยนต์ไฟฟ้าของ BMW การพุ่งทะยานไปอย่างเงียบกริบทั้งในเมืองและบนทางหลวง กับความรู้สึกที่ได้จากการตอบสนองทันใจ และอัตราเร่งอันฉับพลันตั้งแต่ออกตัวของเครื่องยนต์ไฟฟ้าที่ไร้ทั้งควันและมลพิษ มันอาจเป็นโลกแห่งอนาคตที่มาถึงก่อนเวลา เรามาทำความรู้จักกับรถยนต์ไฟฟ้าในหลาย ๆ แง่มุมกัน
1.BMW BEV
รถยนต์พลังงานไฟฟ้าคืออะไร ? BEV หรือ Battery Electric Vehicle คือรถที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ไม่ต้องใช้เครื่องยนต์สันดาปด้วยเชื้อเพลิงอีกต่อไป โดยกระแสไฟจะถูกเก็บไว้ในแบตเตอรี่ที่ความจุของมันคือตัวกำหนดระยะทางของรถยนต์ หรือระยะทางที่รถวิ่งได้ทั้งหมดจากการชาร์จไฟฟ้าหนึ่งครั้ง
ซึ่งแน่นอนว่าผู้ใช้รถยนต์จำนวนมากกำลังกังวลเรื่องของระยะทางนี้ แต่ในความเป็นจริงแล้วรถยนต์ BEV ในปัจจุบันวิ่งได้ไกลมากกว่า 250 กิโลเมตร และผู้ขับรถยนต์ส่วนใหญ่ จะเดินทางในชีวิตประจำวันไม่ถึง 100 กิโลเมตรด้วยซ้ำ ดังนั้นรถยนต์ไฟฟ้าจึงเหมาะกับผู้ที่สามารถชาร์จไฟได้ทั้งที่ทำงานและที่บ้าน อีกทั้งตอนนี้เครือข่ายของจุดชาร์จไฟสาธารณะกำลังเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว มีสถานีชาร์จไฟเพิ่มขึ้นทั้งในเขตเมืองและตลอดแนวทางหลวง รวมถึงสถานีชาร์จไฟแรงสูงเพื่อการชาร์จเร็วระหว่างเดินทาง ทำให้การเดินทางไกลในอนาคตของรถไฟฟ้าจึงง่ายขึ้นเรื่อย ๆ
2.ข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้า?
รถยนต์ไฟฟ้านั้นนอกจากให้ความประหยัดจากการที่เราไม่ต้องเติมเชื้อเพลิงที่มีราคาสูงแล้ว ยังให้ความรู้สึกที่แตกต่างด้านการขับเคลื่อนชัดเจน ข้อดีคือมีแรงบิดสูงตั้งแต่เริ่มออกตัว รู้สึกได้ถึงพลังอันดุดันแห่งการขับเคลื่อนและอัตราเร่งอันฉับไว แต่ BMW ก็สามารถทำให้มันควบคุมได้อย่างง่ายดาย ในขณะเดียวกันเครื่องยนต์ไฟฟ้าที่แทบจะไร้เสียงยังสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่ดีและผ่อนคลาย ในการใช้งาน รถยนต์ BEV ยังไม่ปล่อยไอเสีย ทำให้ไร้มลพิษ ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ประโยชน์ของ BEV คือได้เงินอุดหนุนและสิทธิประโยชน์ด้านภาษีสูงสุดในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยด้วย
3.ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อรถยนต์ไฟฟ้า?
ปัจจัยภายนอกอย่างหนึ่งที่กระทบต่อสมรรถนะและความจุของแบตเตอรี่คืออุณหภูมิ เปรียบเทียบให้เห็นภาพ เราคงนึกออกว่าประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ของสมาร์ทโฟนจะลดลงเมื่ออุณหภูมิเย็นและร้อนจัด แต่ในรถยนต์ BMW ลดผลกระทบจากอุณหภูมิได้ด้วยการปรับสภาพรถยนต์ให้เหมาะสม นอกจากอุณหภูมิแล้วปัจจัยอื่น ๆ ที่มีผลต่อระยะทางคืออุปกรณ์ที่ใช้ไฟฟ้า เช่น เครื่องปรับอากาศ รวมถึงน้ำหนักบรรทุก และวิธีการขับรถ
4.วิธีการขับมีผลต่อระยะทางของรถยนต์ไฟฟ้า?
เช่นเดียวกับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์น้ำมันเชื้อเพลิงทั่วไป สไตล์การขับส่งผลกระทบต่อระยะทางของรถยนต์ไฟฟ้าเช่นกัน วิธีปฏิบัติคือคุณควรต้องวางแผนการเดินทางล่วงหน้า การขับอย่างนุ่มนวลด้วยความเร็วคงที่จะช่วยเพิ่มระยะทางได้ เช่น การขับด้วยความเร็วคงที่บนทางด่วนหรือไฮเวย์ระยะทางจะเพิ่มจนเห็นได้ชัด และปัจจุบัน BMW ก็มีเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนพลังงานจลน์ไปเป็นพลังงานไฟฟ้าชาร์จเข้าแบตเตอรี่ ขณะที่ผ่อนคันเร่ง ช่วยให้ได้ระยะทางเพิ่มขึ้นอีกหลายกิโลเมตร และถ้าจุดหมายปลายทางอยู่ไกลเกินกว่าระยะที่วิ่งได้ด้วยไฟฟ้า อย่าลืมหาจุดชาร์จไฟเพิ่มเข้ามาในระหว่างเส้นทางด้วย
5.หากจอดรถทิ้งไว้นาน ต้องทำอย่างไร?
หากมีเหตุจำเป็นต้องจอดรถไว้เป็นระยะเวลานาน เช่น ระหว่างวันหยุดยาว สิ่งที่จะแนะนำมีเพียงว่าคุณควรต้องมีปริมาณไฟในแบตเตอรี่อยู่ที่ 30-50% และจอดรถในที่ร่มหรือในโรงรถที่มิดชิด ยิ่งกว่านั้นรถยนต์ไม่ควรเสียบปลั๊กชาร์จไฟค้างไว้เมื่อต้องจอดเป็นระยะเวลานาน
6.BMW Iconic Sounds
รถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ปวดหัวมากขึ้นในเรื่องของฉนวนกันเสียง เนื่องจากไม่มีเครื่องยนต์สันดาปที่จะตัดเสียงลมและเสียงยาง คุณจะจึงเริ่มได้ยินเสียงที่ไม่ต้องการมากขึ้น เห็นได้ชัดว่า BMW พยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้รถยนต์ไฟฟ้าของพวกเขานั้นกลายเป็นห้องเก็บเสียงที่หรูหรา และสร้างประสบการณ์ทางอารมณ์ที่มากขึ้นขณะขับรถยนต์ไฟฟ้าที่เงียบกริบอย่างแท้จริง
ศูนย์วิจัยในมิวนิกของ BMW ทีมวิศวกรทดสอบและพัฒนาอย่างหนัก ด้วยการจำลองเสียงมอเตอร์ เสียงล้อยางที่กำลังหมุน มีการวัดค่าการปล่อยเสียง รวมถึงการสั่นสะเทือน แม้แต่เสียงคนเดินถนนที่จำเป็นก็ได้รับการ นำมาร่วมวิจัยและปรับแต่งอย่างละเอียด เช่นเดียวกับเสียง BMW IconicSounds Electric ที่ BMW ร่วมกับนักแต่งเพลงมือรางวัลฮอลลีวูด อย่าง Hans Zimmer สร้างขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนประสบการณ์การขับขี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้กลายเป็นอารมณ์ที่มากกว่าเดิม ตัวอย่างเช่น เมื่อรถอยู่ในโหมด Comfort My จะให้เสียงที่สงบและผ่อนคลายมากขึ้น ส่วนในโหมด Sport จะสร้างเสียงที่น่าตื่นเต้นยิ่งขึ้น ซึ่งออกแบบมาเพื่อถ่ายทอดตามการตอบสนองของมอเตอร์ไฟฟ้า