รู้จักทีม BMW i Andretti Motorsport จาก Formula E

หากพูดถึงพลังงานแห่งอนาคตของโลกยานยนต์ เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า พลังงานไฟฟ้า เป็นสิ่งที่จะเข้ามาแทนที่พลังงานเชื้อเพลิงอย่างน้ำมัน ซึ่ง BMW ได้มองเห็นถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น และเพื่อความก้าวหน้าที่ยั่งยืน การสร้างยนตกรรมที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม จึงเป็นหัวใจสำคัญของ BMW ทั้งการไม่ปล่อยควัน ไม่สร้างเสียงรบกวน ทำให้โลกไร้มลพิษมากที่สุด จึงเป็นสิ่งที่ BMW ผลักดันมาตลอด สอดคล้องกับการแข่งขันรายการแข่งขันฟอร์มูล่าสายพันธุ์ใหม่อย่าง Formula E ที่ก่อกำเนิดขึ้นในปี 2014 โดยเป็นการแข่งขันรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าแบบร้อยเปอร์เซนต์

เยอรมัน – 09 สิงหาคม 2563: Alexander Sims (GBR) จากทีม BMW i Andretti Motorsports, BMW iFE.20 ระหว่างลงทำการแข่งขัน the Berlin E-Prix IV ที่ Berlin Tempelhof Airport (ภาพโดย Alastair Staley / LAT Images)

สำหรับรายการแข่งขัน Formula E ซึ่งในฤดูกาล 2020 ถูกใช้ชื่อรายการว่า ABB FIA Formula E Championship โดย BMW i ร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ตั้งแต่ฤดูกาลแรก เนื่องในฐานะผู้นำแห่งนวัตกรรมรถไฟฟ้า และยังเป็น “Official Vehicle Partner”  BMW i8 ถูกเลือกให้เป็นเซฟตี้ คาร์ ตั้งแต่การแข่งขันครั้งแรก และซีซั่นล่าสุดคือ ซีซั่นที่ 6 BMW i8 Coupé เป็นเซฟตี้คาร์ประจำการแข่งขัน รวมถึงเป็นรถนำขบวน

โดยรายการแข่งขัน Formula E นั้น สามารถจัดการแข่งขันในใจกลางเมืองได้ เนื่องจากเป็นการแข่งขันที่ไร้มลพิษทางอากาศและเสียงรบกวน นับเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของการแข่ง Formula E ทำให้มีผู้คนสนใจเข้าดูเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ และกลุ่มผู้คนที่รักเทคโนโลยี

การแข่งขัน Formula E ที่ใช้สนามแข่งแบบ สตรีท เซอร์กิต

Jens Marquardt ผู้อำนวยการ มอเตอร์สปอร์ตของ BMW Group พูดถึงการแข่งขัน Formula E ในฤดูกาล 2020 ว่า สำหรับฤดูกาลนี้เราค่อนข้างทำได้ดี แม้ว่าจะไม่ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้เท่าที่ควร แต่ก็ทำให้เราสามารถพัฒนาทีมให้ไปได้ไกลมากกว่าเดิม เราทำงานหนักขึ้นในช่วงหยุดพักที่ผ่านมา เพื่อเป้าหมายของฤดูกาลหน้าของเรา อย่างที่ทราบดีว่าฤดูกาลนี้เราเจอกับสิ่งที่ไม่คาดฝันอย่าง COVID-19 ซึ่งผมเชื่อว่าไม่มีใครเคยพบกับเรื่องเหล่านี้ พวกเราเองก็เช่นกัน หลังจากทำการแข่งขันไปได้ 5 สนาม ก็ต้องเจอกับสถานการณ์ดังกล่าว ทั้งการล็อคดาว์นเป็นเดือนๆ ที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย และเมื่อเรากลับมาแข่งขันที่เบอร์ลิน ซึ่งมีเวลาเตรียมตัวก่อนล่วงหน้าเพียงสิบวัน และต้องพบกับการแข่งขัน 6 สนาม ที่มีรูปแบบแทร็คแตกต่างกันถึง 3 แบบ การเตรียมตัวสำหรับปีหน้าจึงเป็นสิ่งสำคัญ เราต้องมีความสม่ำเสมอรักษาระดับของตัวเองให้ได้ และคว้าแชมป์โลกในที่สุด

Jens Marquardt ผู้อำนวยการ มอเตอร์สปอร์ตของ BMW Group

นอกจากนี้เขายังพูดถึงเรื่องของพลังงานไฟฟ้าที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันรวมไปถึงวงการมอเตอร์สปอร์ตว่า แน่นอนที่สุดมันคือพลังงานทางเลือกในปัจจุบัน แต่อย่างไรก็ดีมันจะเข้ามามีบทบาทในอนาคต ทั้งนี้รายการแข่งขัน Formula E เป็นรายการที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเพื่อความยั่งยืน ทั้งยังเป็นรายการแข่งขันที่ไม่มีมลพิษ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เราสามารถจัดการแข่งขันในใจกลางเมืองใหญ่ต่างๆได้ นอกจากนี้ยังสามารถให้แฟนๆของทีมต่างๆ ใช้งานระบบ ‘แฟนบูสต์’ (FANBOOST) ซึ่งระหว่างการแข่งขันรถแข่ง Formula E ในสนามต่างๆ รถจะถูกจำกัดให้มีแรงม้าเพียงแค่ 200 แรงม้าเท่านั้น แต่ระบบแฟนบูสต์จะเปิดโอกาสให้แฟนๆ มีส่วนร่วมในการแข่งขัน โดยสามารถโหวตให้นักแข่งที่ชื่นชอบผ่านเว็บไซต์ก่อนวันแข่งประมาณ 2 สัปดาห์ และนักแข่งที่ได้รับคะแนนโหวตสูงสุด 3 คนแรก จะได้รับอนุญาตให้ใช้พลังงานเพื่อเพิ่มความเร็วได้อีก ระบบนี้ทำให้การแข่งขันไม่สามารถคาดเดาผู้ชนะได้ ถือเป็นเสน่ห์และความสนุกให้การแข่งขันตื่นเต้นเร้าใจขึ้นไปอีก

ทั้งนี้ผู้อำนวยการมอเตอร์สปอร์ตของ BMW Group ยังพูดถึง เจ้ารถ Formula E ของทีม BMW i Andretti Motorsport ว่า มันมีชื่อเรียกว่า BMW iFE.20 เป็นรถไฟฟ้าสุดล้ำที่สุด เพื่อลงทำการแข่งขันสิ่งสำคัญคือ มันถูกพัฒนาจากทีมวิศวกรทีมเดียวกันที่ร่วมพัฒนา BMW i3 หรือ i8 ซึ่งเราใช้อุปกรณ์ที่เหมือนกัน โค๊ดที่เหมือนกัน ซอฟต์แวร์ที่เหมือนกัน และสำหรับคนที่อยากทราบถึงความแตกต่างของรถ Formula E และ Formula 1 แน่นอนที่สุดมันต่างกันเพียงแค่ช่วงท้ายรถที่เป็นชุดเครื่องยนต์ที่เป็นไฟฟ้า และมันเป็นรถที่ไม่ได้มีหลายเกียร์ เป็นแค่รถเกียร์เดียวเท่านั้น

ด้าน Maximilian Günther นักขับหนุ่มสัญชาติเยอรมัน วัย 23 ปี แห่งทีม BMW i Andretti Motorsport คว้าแชมป์สนามนี้ไป โดยเขาตั้งใจขับตามหลังเป็นอันดับที่สองเพื่อประหยัดพลังงานให้มากที่สุด ก่อนจะฉีกแซงเข้าเส้นชัยก่อนคู่แข่งไปด้วยเวลาเพียง 0.128 วินาที สร้างสถิติชนะอย่างฉิวเฉียดที่สุดในประวัติศาสตร์ของรายการนี้ เขาได้พูดถึงรายการนี้แม้ว่าจะเป็นการเริ่มต้นฤดูกาลแรกกับทีม BMW ว่า ถึงแม้ว่าจะยังไม่สามารถคว้าแชมป์โลกมาได้ แต่ก็เป็นฤดูกาลที่ดีสำหรับเขา แม้ว่าจะมีเหตุการณ์อย่าง COVID-19 แต่เราเองก็ได้นำระบบ Simulator มาใช้เพื่อเตรียมความพร้อมในการแข่งขัน ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องใหม่สำหรับเราก็ตาม แต่มันก็ช่วยให้เราพัฒนาศักยภาพได้ดี ส่งผลโดยตรงในการเพิ่มทักษะของเรา

Maximilian Günther นักขับหนุ่มสัญชาติเยอรมัน วัย 23 ปี แห่งทีม BMW i Andretti Motorsport คว้าแชมป์สนามนี้ ในรายการ the Berlin ePrix III ที่ Berlin Tempelhof Airport เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2563, (รูปภาพ โดย Sam Bloxham / LAT Images)

อย่างไรก็ดีเราปฎิเสธไม่ได้ว่า การแข่งขัน Formula E ซึ่งเป็นอีกซีรี่ย์หนึ่งที่เป็นเวทีสำคัญในการถ่ายทอดเทคโนโลยีต่างๆ ไปสู่รถพลังไฟฟ้า (EV : Electric Vehicle) ที่กำลังจะเข้ามามีบทบาทบนท้องถนนในอนาคตอันใกล้นี้อย่างแน่นอน

Share

ใส่ความเห็น