BMW M4 GT4:รถแข่งที่ใช้เส้นใยธรรมชาติมากที่สุด

หลาย ๆ คนเริ่มเห็นคลิป VDO ต่าง ๆ จากทาง BMW M ทั้งรถรุ่นใหม่ ๆ ที่เปิดตัวกันไปมากมายในปีนี้ เพราะเราทราบกันอยู่แล้วว่าปีนี้เป็นปีที่ BMW ฉลองครบรอบ 50 ปีของแผนก M มันก็เลยมีเรื่องสุดพิเศษอีกหนึ่งอย่าง หนึ่งในนั้นก็คือ BMW M4 GT4 รถแข่งที่เป้นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพราะเขาใช้เส้นใยธรรมชาติ ฟังดูแล้วอาจจะงงแต่ BMW และ Bcomp ก็จับทั้งสองสิ่งมาอยู่ด้วยกันได้อย่างลงตัว เอาเป็นว่าวันนี้ BMWCar Magazine Thailand จะพามาดูภาพต่าง ๆ ก่อนทำสีของเจ้า BMW M4 GT4 รถที่ใช้เส้นใยจากธรรมชาติมากที่สุดคันหนึ่ง

แต่ก่อนที่เราจะไปดูเรื่องของเส้นใยนั้น มาดูเรื่องเครื่องยนต์กันก่อน เจ้า BMW M4 GT4 มีขนาดของเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร 6 สูบ ทวินเทอร์โบ สามารถทำแรงม้าได้ถึง 550 แรงม้า และมีแรงบิดสูงสุดถึง 650 นิวตันเมตร ใช้เกียร์ 7 สปีดจาก ZF แค่นี้หลาย ๆ คนก็มองว่ามันจะอยู่หัวแถวในการแข่งขันได้ไม่ยากแล้ว แต่แผนก M ไม่ได้หยุดแค่นั้น พวกเขาได้นำเส้นใยธรรมชาติมาทำชิ้นส่วน ทำให้รีดน้ำหนักให้เบาลงได้อีก ด้วยชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งคันก็น่าจะทำให้รถคันนี้มีอัตราส่วน 1 แรงม้าต่อน้ำหนักต่ำกว่า 3 กิโลกรัม

แต่ด้วยนโยบายจาก BMW Group ที่มุ่งเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืน หรือ Sustainability ซึ่งในกระบวนการผลิตจะยึดหลัก 4R คือ REduce-REuse-REthink-REcycle ซึ่งไม่เว้นแม้แต่แผนก M ก็ต้องพัฒนารถที่คงความแรงแต่ก็ต้องสอดคล้องกับหลักการเหล่านี้ด้วย

ใน BMW M4 GT4 ตัวแข่งรุ่นปัจจุบัน ชิ้นส่วนที่เคยเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ (CFRP) หลายจุดถูกแทนที่ด้วยวัสดุที่ผลิตจากเส้นใยธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นแผงหน้าปัด คอนโซลกลาง ฝากระโปรงหน้า สปลิตเตอร์ด้านหน้า ประตู ลำตัว และสปอยเลอร์หลัง เรียกว่าแทบทุกจุดแล้วนอกจากหลังคา เส้นใยธรรมชาตินี้สามารถย่อยสลายได้ นำกลับมาใช้ใหม่ได้ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตรงกับคอนเซ็ปต์ของ BMW ที่พยายามพัฒนาปรับปรุงผลิตภัณฑ์โดยคำนึงถึงความยั่งยืนให้มากที่สุด

นั่นจึงเป็นที่มาของการพัฒนารถแข่งรุ่นใหม่อย่าง BMW M4 GT4 ที่รักษ์โลกมากขึ้นกว่าเก่า ด้วยการจับมือกับสตาร์ทอัพจากสวิสฯ อย่าง Bcomp ที่เชี่ยวชาญด้านวัสดุศาสตร์ สร้างชิ้นส่วนและโครงสร้างน้ำหนักเบา เพื่อรองรับการใช้งานในสนามแข่งไปจนถึงอวกาศ ซึ่งยังคงมีข้อดีแบบเดียวกับคาร์บอนไฟเบอร์ คือแข็งแรง น้ำหนักเบา ทนทานแรงดึงสูง และทนต่ออุณหภูมิสูง แต่เพิ่มคุณสมบัติเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่า เพราะทำจากเส้นใยธรรมชาติ 100% สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ ย่อยสลายได้ ไม่ต้องนำไปฝังกลบแบบชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์แบบเดิม

บีเอ็มดับเบิลยูเริ่มทำงานกับวัสดุของ Bcomp เป็นครั้งแรกในปี 2019 เมื่อพวกเขาใช้วัสดุผสมไฟเบอร์จากเส้นใยธรรมชาติประสิทธิภาพสูงในรถยนต์ BMW iFE.20 Formula E ในชุดเพลาที่เสริมด้วยโซลูชั่นเส้นใยธรรมชาติ ampliTex™ และ powerRibs™ และพบว่ามันสามารถแทนที่ส่วนประกอบคาร์บอนไฟเบอร์เดิมได้ การพัฒนาจึงค่อยๆ ขยับไปสู่รถโมเดลอื่น และความร่วมมือล่าสุดกับ Bcomp ก็เกิดขึ้นในรถ BMW M4 GT4

ส่วนสำคัญขององค์ประกอบชิ้นส่วนไบโอโพลีเมอร์น้ำหนักเบา คือ ampliTex™เส้นใยธรรมชาติจากลินินที่นำมาทอซ้อนกันด้วยเทคนิคพิเศษทำให้รับแรงเฉือนและแรงดึงได้หลายมุม ซึ่งจะถูกวางอยู่บน powerRibs™ซึ่งเป็นเสมือนตะแกรงเสริมแรงด้วยเส้นใยธรรมชาติที่มีน้ำหนักเบามาก ทนต่อการดัดงอและซึมซับแรงสั่นสะเทือนได้ดี ทั้งหมดนำมายึดติดกันด้วย Evopreg ® ที่เป็นอีพ๊อกซี่สังเคราะห์จากไบโอเรซินก่อนนำมาผ่านกระบวนการขึ้นรูปด้วยแรงดันและความร้อน ซึ่งส่วนประกอบจากเส้นใยธรรมชาตินี้นอกจากจะสามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ ยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ในสนามแข่ง เพราะส่วนประกอบของคาร์บอนไฟเบอร์แบบเดิมเมื่อได้รับการชนจะแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ทำให้เกิดเศษเล็กๆที่แหลมคม แต่เส้นใยธรรมชาติที่มี ampliTex™ และ powerRibs™ นั้นไม่มีเศษแหลมคมที่เป็นอันตรายต่อนักแข่ง

เทคโนโลยีชิ้นส่วนที่มาจากเส้นใยธรรมชาติ ampliTex™ และ powerRibs™ ของ Bcomp นั้นถูกติดตั้งไว้ใน BMW M4 GT4 ใหม่หลายจุด ทั่วทั้งห้องโดยสาร อาทิ ที่แผงหน้าปัดและคอนโซลกลาง ในชิ้นส่วนตัวถัง เช่น ฝากระโปรงหน้า ช่องรับอากาศด้านหน้า ประตู ตัวถังด้านข้าง และสปอยเลอร์หลัง ยกเว้นหลังคาที่ยังคงเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ (CFRP) แบบเดิม

การปรับมาใช้ชิ้นส่วนผสมผสานวัสดุทั้งสองเข้าด้วยกันทำให้สามารถลดปริมาณพลาสติกที่ใช้สำหรับแผ่นบุผนังภายในได้ถึง 70% และในขณะเดียวกันก็ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงถึง 85%

BMW ตั้งราคารถแข่ง M4 GT4 รุ่นใหม่ไว้ที่ 187,000 ยูโร โดยจะเริ่มผลิตในเดือนตุลาคม 2023 รถแข่งหลายคันจะเริ่มออกตระเวนเก็บคะแนนจากสนามต่างๆ ได้ตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นไป แต่ผลการวิจัยและประสบการณ์ที่ได้รับจากสนามแข่ง จะทำให้เทคโนโลยีวัสดุใหม่เหล่านี้แทรกเข้ามาอยู่ใน BMW M และชิ้นส่วน BMW M Performance มากขึ้น

Share