M3 CS ซีดานที่สร้างมาตรฐานด้านสมรรถนะใหม่โดยยังคงไว้ซึ่งการใช้งานในชีวิตประจำวัน

M3 CS ใหม่ มีการออกแบบใหม่เฉพาะรุ่น ที่การเห็นครั้งแรกบนหน้านิตยสารหรือบนโลกออนไลน์มันอาจจะขัดใจแฟน ๆ จนกว่าพวกเขาจะได้เห็นตัวจริงของมัน ด้านหน้าของรถโดดเด่นด้วยกระจังหน้าทรงใหม่แบบไร้กรอบ เพิ่มความสะดุดตาด้วยเส้นสายสีแดงที่ล้อมรอบกระจังหน้าทั้งคู่ ป้าย M3 CS ที่ประดับบนกระจังหน้า และบริเวณท้ายรถ ด้วยตัวอักษรสีดำตัดกับขอบสีแดง ไฟหน้า BMW Laserlight มี DRL สีเหลือง เป็นการสืบทอดกลิ่นอายมาจากรถแข่ง GT

โครงสร้างน้ำหนักเบาของ  M3 CS ใหม่ มีบทบาทสำคัญในการยกระดับสมรรถนะและเอกลักษณ์ที่หาไม่ได้ในรถยนต์รุ่นอื่น ซึ่งมีปัจจัยสำคัญจากการใช้ชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งภายนอกและภายใน หลังคาคาร์บอนไฟเบอร์ยังคงเป็นวัสดุมาตรฐาน วัสดุคอมโพสิทเหล่านี้มีน้ำหนักเบา ซึ่งรวมถึงฝากระโปรงใหม่ ช่องดักอากาศและสปลิตเตอร์ที่ด้านหน้า ฝาครอบกระจกข้าง สปอยเลอร์และดิฟฟิวเซอร์ขนาดใหญ่ที่ด้านหลัง ซึ่งทั้งหมดช่วยลดน้ำหนักของรถลงไป 20 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับรุ่น M3 Competition

ภายในห้องโดยสารของ M3 CS ได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงสุนทรียภาพในการขับขี่และสมรรถนะขั้นสูงสุด เบาะนั่ง M Carbon ทรง bucket seat ยังมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนักของตัวรถ หุ้มด้วยหนัง Merino สีดำตัดแดง ช่องเก็บของที่แผงคอนโซลกลาง ถูกแทนที่ด้วยคอนโซลที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ตกแต่งด้วยตัวอักษร CS สีแดง นอกจากนี้ยังมาพร้อม เข็มขัดนิรภัยที่ปักแถบ 3 สีของ BMW M กาบบันไดสลักตัวอักษร M3 CS บุหลังคาภายในด้วยผ้า Anthracite พวงมาลัยหุ้ม Alcantara พร้อมแถบสีแดงบริเวณกึ่งกลางพวงมาลัย และ Paddle Shift ที่เป็นคาร์บอนไฟเบอร์

เมื่อ BMW ติดตรา CS บน M3 ล่าสุด คือการเพิ่มกำลังอีก 41 แรงม้า และการปรับแต่งแชสซีอื่นๆ อีกมากมายที่สอดคล้องกัน มันช่วยเปลี่ยน M3 ให้กลายเป็นเครื่องจักรที่สนุกสนานมากขึ้น มีการเพิ่มกำลังของเครื่องยนต์ 6 สูบเรียงเทอร์โบชาร์จขนาด 3.0 ลิตร เหนือกว่า M3 Competition  ส่งผลให้มีกำลัง 551 แรงม้าเท่ากับ M4 CSL ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มบูสต์เทอร์โบจาก 1.7 บาร์เป็น 2.1 บาร์ และปรับแต่ง ECU นิดหน่อย สิ่งนี้จะเพิ่มความแวววาวอย่างแท้จริงให้กับประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงรอบกลางและไปจนถึงเรดไลน์ M3 CS ได้รับการติดตั้งท่อไอเสียไทเทเนียมแบบใหม่ ทำให้ระบบไอเสียมีน้ำหนักเบาลงถึง 4 กิโลกรัม

เครื่องยนต์ซึ่งมีแรงบิดอยู่ที่ 650 นิวตันเมตร ได้รับการติดตั้งเข้ากับเกียร์อัตโนมัติ 8 Speed M Steptronic พร้อม Drivelogic ขับเคลื่อนทั้งสี่ล้อ อย่างไรก็ตามการส่งกำลังปกติจะเอนเอียงไปทางด้านหลังมากกว่า และมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างกับเฟืองท้ายแบบแอคทีฟให้ทำงานร่วมกับกำลังที่เพิ่มขึ้น

ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อช่วยให้ M3 CS บันทึกเวลา 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่ 3.4 วินาที เร็วกว่า M4 CSL อยู่ 0.3 วินาที ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 302 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการขับขี่ขั้นสูงสุด

พวงมาลัย แชสซี และระบบกันสะเทือนได้รับการปรับปรุงใหม่ Dirk Hacker หัวหน้าฝ่ายพัฒนา BMW M กล่าวว่า “การเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะกับโช๊ค คอยล์ และเหล็กกันโคลง ล้วนได้รับการดำเนินการเพื่อเพิ่มความสปอร์ตและศักยภาพในสนามแข่งของ M3 CS ในขณะที่ไม่ได้ทิ้งพื้นฐานโดยรวมของ M3 Competition”

ความแข็งแกร่งของตัวถังยังได้รับการพัฒนาด้วยการเสริมค้ำระหว่างโช้กอัพคู่หน้า (M Front End Strut Brace) ที่นอกจากจะเสริมด้านเสถียรภาพการขับขี่แล้วยังได้รับการออกแบบให้มีน้ำหนักเบาอีกด้วย มาพร้อมชุดเบรก M Compound Brake สีแดงเงา เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมตัวเลือกอุปกรณ์เสริมสุดเร้าใจกับเบรกเซรามิก M Carbon Carbon Ceramic Brake สีทองด้าน ก่อนจะเสริมรูปลักษณ์ด้วยล้ออัลลอย M น้ำหนักเบา ลาย Star Spoke Style 827 M ในสีบรอนซ์ทองหรือสีดำ ขนาด 19 นิ้วสำหรับล้อหน้า และขนาด 20 นิ้วในล้อหลัง

M3 CS ใหม่ มาพร้อมระบบ BMW iDrive รุ่นใหม่ล่าสุด และระบบปฎิบัติการ BMW Operating System 8 แสดงผลบนจอ Curved Display ที่มีจอ Information Display ขนาด 12.3 นิ้ว และจอ Control Display ขนาด 14.9 นิ้ว และยังมีระบบเพื่ออำนวยความสะดวกสบายสำหรับผู้ขับขี่อีกมากมาย เช่น ระบบปลดล็อกประตูอัจฉริยะ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 3 โซน เครื่องเสียงรอบทิศทาง Harman Kardon เซ็นเซอร์ควบคุมระยะการจอด Park Distance Control (PDC) และระบบแจ้งเตือนเมื่อออกนอกเลน (Lane Departure Warning)

แม้ว่า BMW M3 CS จะเป็นรุ่นที่มีจำนวนจำกัด แต่ยังไม่ได้ระบุจำนวนที่แน่นอนไว้ ที่ทราบแน่นอนคือราคาค่าตัว 14.999 ล้าน นี่จะเป็นสิ่งที่แลกมาด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่มอบการตอบสนองแบบ M อย่างแท้จริง โดดเด่นด้วยโครงสร้างน้ำหนักเบาจากชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์หลายชิ้นที่นำมาใช้ในการออกแบบ รวมถึงพละกำลังเครื่องยนต์ที่เพิ่มขึ้น สร้างความตื่นเต้นและประทับใจในการขับที่ผสานความเร้าใจอันเหนือชั้นจากสนามแข่งเข้ากับการใช้งานในชีวิตประจำวันจาก M3 ซีดานไว้ได้อย่างลงตัว